Dr. Chana
  Text -THE COMMENTARY ON ISAIAH
  

COMMENTARY ON ISAIAH


Dr. Chana SH Chung, D.Min., Th.D.





THE PRESBYTERIAN THEOLOGICAL SEMINARY
36/5 หมู่ที่ 3 ซ. 7 ถ. ศรีเวียง ต. รอบเวียง อ. เมือง 57000
โทร. 053-74-7133, 081-90-26-7876 โทรสาร 053-74-7134




INTRODUCTION ON ISAIAH บทนำของหนังสือ

I ชื่อหนังสือ และ ตำแหน่งในพระคัมภีร์เดิม
A. ชื่อหนังสือ ישע'ה
LXX
กจ. 830
ลก. 4.17
B. ตำแหน่งในพระคัมภีร์เดิม (24 เล่ม)
(1) תורה Tora (5 เล่ม)
(2) נב'א'מ Nebiym (ראשונ'מ4 เล่ม+אחנ'מ4 เล่ม)
(3) כתוב'מKetubim Hagiographa (11 เล่ม ) 3 เล่ม+5 เล่ม+3 เล่ม
Athanasius-373
John of Damascus 754
Hilary 367
Augustine 430



II ผู้เขียนหนังสืออิสยาห์ และช่วงเวลาที่เขียน
A. ผู้เผยพระวจานาของพระเจ้า
נב'אNabi ปฐม. 20.7, 18.15, 3.2
ראהLoeh 28.7
תזהKojeh 30.10
¥ð¥ñ¥ï¥õ¥ç¥ó¥ç 9.9 20.7 18.15

B. ผู้เขียนหนังสืออิสยาห์ 'שע'הו

C. ช่วงเวลาที่เขียน

D. เบื้องหลังสมัยที่เขียน
1. อัสซีเรีย
Tiglath-Phieser I Tiglath-Phieser III(BC 745-727) Sargon II BC 721-705)
Sannacherib BC 705-681, 36.1, 37.38) Esarhadon Assur-Banipal Nabopolassar
2. บาบีลโลน
Sargon I (BC 2,350-2,294) Babylonia Hammurabi (BC 1,728-1,686)
Nabopolassa Nebuechadnezzar II (BC 605-562) Amel-Marduk
3. เฟอเซีย Persia
Indo-Europeans Media Cyrus II(BC 559-529, 45.1) Cambyses II (BC 525-521) Darius I (BC 521-486) Darius III (BC 336-330)
4. ซีเรีย Syria Aram
5. อียิปต์
Menes (BC 3,100-3,038) Memphys Thutmose III (BC 1,504-1,450)
Cambyses II (525-521) the Great Alexander III (BC 356-323)
Ptolemies ( BC 322-30) Sargon II (705-701) Tiglath-Phieser III(BC 745-727)
Hezekiah (BC 727-698) Sennacheib (BC 705-681) Merodark-Baladan (BC 721-710)

E. เป้าหมาย
(1)
(2)
(3)


III เอกภาพ
ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของหนังสือ
A. ไม่เห็นด้วยเอกภาพของหนังสือ

(1) Talmud Baba-Bathra 15a
(2) Moses ben Ibn-Gekatilla C. (AD 1100)
(3) Robert Lowth (1710-1787)
(4) Doederlein Eiehhorn Rosenmuller
(5) F. H. Wilhelm Gesenius (1786-1842)
(6) G.H. August Ewald (1803-1875)
(7) Bernard Duhm 1892
(8) Hermann Gunkel (1862-1932) Gugo Gressman
Julius Welhausen (1844-1918)- Formgeschichte
Rudof Bultmann (1884-1969)-Demythologization
(9) Charles Torrey
The School Isaiah

B. หลักฐานของไม่เห็นด้วยเอกภาพของหนังสือ
(1)
(2)
(3)
(4)

C. เห็นด้วยเอกภาพของหนังสือ
1. หลักฐานภายนอก
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
(8)

2. หลักฐานภายในพระคัมภีร์
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
(8)
(9)

IV ศาสนาศาสตร์ และ ความมุ่งหมายการเขียนหนังสือ
A. ศาสนาศาสตร์ของอิสยา
1. เรื่องพระเจ้า
2. เรื่องพระเมเสียห์
3. เรื่องความรอด
4. เรื่องยุคสุดทาย

B. ความมุ่งหมายในการเขียนหนังสือ


-----

COMMENTARIES OF CHAPTER & VERSES
การแยกออกเป็นส่วนๆ
I การพิพากษา 1-35
A. การพิพากษาของอิสราเอล และ ยูดา 1-12
1. การพิพากษาของยูดา 1-5
1.1 การแจ้งความของพระเจ้า 1
(1) หัวข้อ 1
(2) การแจ้งความของพระเจ้า 2-17
(3) การเชิญของพระเจ้าเพื่อการโต้แย้ง 18-20
(4) ความโศกเศร้าของผู้เผยพระวจานาของพระเจ้า 21-23
(5) การกลับสู่สภาพเดิมของซิโอน 24-31
1.2 ความบาปของของยูดา 2:1-4:1
(1) ส่าราศีของอาณาจักรของพระเมเสีย 2:1-4
(2) ความบาปของนับถือรูปเคารบและความไม่ถ่อมใจ 2:5-22
(3) ความบาปของรัฐบาล 3:1-15
(4) ความบาปของสตรีชั้นสูง 3:16-4:1
1.3 ความหวังของการกลับสู่สภาพเดิม 4:2-6
1.4 เพลงแห่งสวนองุ่น 5
(1) เพลงแห่งสวนองุ่น 1-7
(2) วิบัติแก่พวกท่าน 8-24
(3) พระพิโรธของพระยาห์เวห์ 25-30

2. การทรงเรียกของอิสยาห์ของพระเจ้า 6
3. อาณาจักรของพระเมเสีย 7-12
3.1 อิมมานูเอล 7
(1) การบุกรุกของซีเรีย 1-9
(2) ลางอิมมานูเอล 10-16
(3) กำลังจะบุกรุกของอัสซีเรีย 17-25
3.2 มาเฮร์-ชาลาล-หัช-บัส 8
(1) การบุกรุกของอัสซีเรีย 1-8
(2) การพ่ายแพ้ของศัตรู 9-15
(3) การรอเคยพระเจ้า 16-22
3.3 อาณาจักรของพระเมเสีย 9:1-7
3.4 ความบาปของอิสลาเอล 9:8-10:4
3.5 ความบาปของอัสซีเรีย 10:5-34
(1) ความบาปของอัสซีเรีย 5-14
(2) การลงโทษของอัสซีเรีย 15-19
(3) ผู้ที่ยังมีเหลือของอิสราเอล 20-27
(4) การเข้ามาของอัสซีเรีย 28-34
3.6 หน่อของเจสซี 11
(1) กษัตริย์ 1-9
(2) ประชากร 10-16
3.7 การสรรเสริญของขอบพระคุณ 12
B. การพิพากษาบรรดาประชาชาติ 13-27
1. การพิพากษาบรรดาประชาชาติ 13-23
1.1 การพิพากษาบาบิโลน 13:1-14:23
(1) การล่มสลายของบาบิโลน 13
(2) การฟื้นคืนมาของอิสราเอล 14:1-4a
(3) การล่มแล้วของ กษัตรติบาบิโลน 14b-23
1.2 การพิพากษาของอัสซีเรีย 14:24-27
1.3 การพิพากษาของฟีลิสเตีย 14:28-32
1.4 การพิพากษาของโมอับ 15-16
(1) การพิพากษาอย่างฉับพลัน 15
(2) ความไม่ถ่อมใจ และ ถูกพีนาติของโมอับ 16
1.5 การพิพากษาของดามัสกัส และ อิสราเอล 17
(1) การพิพากษาของดามัสกัส 1-3
(2) การพิพากษาของอิสราเอล 4-11
(3) การล่มสลายของอัสซีเรีย 12-14
1.6 การพิพากษาของอีดีโอเปีย 18
1.7 การพิพากษาของอียิปต์ 19-20
(1) การพิพากษาของอียิปต์ 19:1-17
(2) การกลับสู่สภาพเดิมของอียิปต์ 19:18-25
(3) ห้าม ของอียิปต์ และ อีดีโอเปีย 20
1.8 การพิพากษาบาบิโลน(2) 21:1-10
1.9 การพิพากษาเอโดม 21:11-12
1.10 การพิพากษาอาระเบีย 21:13-17
1.11 การพิพากษากรุงเยรูซาเล็ม 22
(1) การพิพากษากรุงเยรูซาเล็ม 1-14
(2) ความบาปของเซบนา 15-25
1.12 การพิพากษาของไซปรัส 23
(1) การพิพากษาของไซปรัส 1-14
(2) การกลับสู่สภาพเดิมของไซปรัส 15-16

2. วาระแห่งการพิพากษาของพระเจ้า และ เอาชนะ 24-27
2.1 วาระแห่งการพิพากษา 24
2.2 การสรรเสริญพระเจ้าแห่งความรอด 25-26
(1) การสร้างอาณาจักรของพระเจ้า 25
(2) ความรอดของยูดา 26
2.3 ประชากรของพระเจ้า 27
(1) สวนองุ่นของพระเจ้า 1-6
(2) การลงโทษประชากรของพระเจ้า 7-11
(3) การเข้าสู่สภาพเดิมของประชากรของพระเจ้า 12-13

C. เพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งวิบัติ และพระพร 28-35
1. วิบัติของซามาเรีย และ เยรูซาเล็ม 28
1.1 วิบัติของซามาเรีย 1-6
1.2 วิบัติของเยรูซาเล็ม 7-22
1.3 คำอุปมาของเกษตรกร 23-29

2. วิบัติของยูดาห์ 29-31
2.1 วิบัติอารีเอล 29
(1) วิบัติอารีเอล 1-8
(2) ความด้านชาฝ่ายจิตวิญญาณ 9-14
(3) ความหายนะของซ่อนแผนงาน 15-16
(4) การแก้ขายคำสัญญา 17-24
2.2 ความหายนะของซ่อนแผนงานกับอียิปต์ 30-31
(1) ความหายนะของซ่อนแผนงานกับอียิปต์ 30:1-17
(2) ความรอดของพระเจ้า 30:18-26
(3) ล่มสลายของอัสซีเรีย 30:27-33
(4) การเตือนซำกัน 31
1.3 พระพรของอาณาจักรพระเมเสีย 32
(1) การปกครองของพระเมเสีย 1-8
(2) คำเตือนต่อผู้หญิงที่อยู่เฉย ๆ 9-14
(3) อาณาจักรของพระเมเสีย 15-20
1.4 พระพรเอาชนะศัตรู 33
(1) วิบัติตแก่อัสซีเรีย 1-6
(2) ความรอดของพระเจ้า 7-16
(3) อาณาจักรความชอบธรรม และ สันติภาพ 17-24
1.5 ส่งราศีอิสราเอลในที่สุด 34-35
(1) การพิพากษาบรรดาประชาชาติ 34:1-4
(2) การพิพากษาของแอโดม 34:5-17
(3) ส่งราศีอิสราเอลในที่สุด 35


II บันทึกประวัติศาสตร์ 36-39

A. การบุกรุกของอัสซีเรีย 36

B. การขับไล่อัสซีเรีย 37
1. อธิษฐานของกษัตรติ และ ได้รับคำตอบอธิษฐาน (1) 1-7
2. หนังสือท้าทายของเซนนาเคอริบ 8-13
3. อธิษฐานของกษัตรติ และ ได้รับคำตอบอธิษฐาน (2) 14-35
4. ขับไล่กองทัพอัสซีเรีย 36-38

C. การป่วยของเฮเซคียาห์ 38

D. ความผิดพลาตของเฮเซคียาห์ 39


III ความรอด 40-66
A. ความรอด 40-48
1. ความหวังของความรอด 40
1.1 การปกครองของพระยาห์เวห์ 1-11
1.2 พระยาห์เวห์เป็น พระเจ้าแท้ 12-31

2. การประกฎตัวของผู้ช่วยเหลือ 41
2.1 การประกฎตัวของผู้ช่วยเหลือ 1-7
2.2 สัญญาความรอดของพระยาห์เวห์ 8-20
2.3 ความไม่มีอะไรของรูปเครารบ 21-29

3. ผู้ช่วยเหลือ คือ ทาสของพระยาห์เวห์ 42
3.1 การแนะนำทาสของพระยาห์เวห์ 1-9
3.2 ผู้ช่วยเหลือของอิสราเอล 10-17
3.3 การแนะนำแก่เชลย 18-25

4. การกลับสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 43-44
4.1 ความรอดของพระยาห์เวห์ 43
(1) การยืนยันของความรอด 1-7
(2) พยานบุคคลของความรอด 8-13
(3) ความรอดโดยงานใหม่ 14-21
(4) ติเตียนไม่มีความเชื่อของอิสราเอล 22-28
4.2 การกลับเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 44
(1) การกลับเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 1-5
(2) พระยาห์เวห์ และ รูปเคารพ 6-20
(3) ความตั้งใจเข้าสู่สภาพเดิม 21-28

5. ความรอดโดยไซรัส 45
5.1 ความรอดโดยไซรัส 1-8
5.2 ความรอดของพระเจ้าโดยเด็ดขาด 9-13
5.3 การกลับใจเสียใหม่ของคนต่างชาติ 14-25

6. การพิพากษาของบาบิโลน 46-47
6.1 การถูกพีนาดรูปเคารพของบาบิโลน 46
(1) การถูกพีนาดของพระเบลก้ม และ พระเนโบ 1-7
(2) ต้องพึ่งอาศัยความรอดของพระเจ้า 8-13
6.2 การถูกพีนาดของบาบิโลน 47

7. ความรอดของอิสราเอล 48
7.1 ติเตียนอิสราเอลที่แขงกราด้าน 1-11
7.2 จะพิพากษาบาบิโลน 12-15
7.3 จงออกจากบาบิโลน 16-22

B. ผู้ช่วยเหลือ 49-57
1. ผู้ช่วยเหลือ คือ ทาสของพระยาห์เวห์ 49
1.1 การทรงเรียก และ นาทีของทาสของพระยาห์เวห์ 1-13
1.2 การนุ่นใจต่อซีโอน 14-26

2. การจงรักภักดีของทาสของพระยาห์เวห์ 50

3. การนุ่นใจอิสราเอล 51:1-52:12
3.1 การนุ่นใจอิสราเอล 51:1-8
3.2 ความรอดของพระยาห์เวห์ 51:9-16
3.3 ความรอดของกรุงเยรูซาเลม 51:17-23
3.4 นิมิตของความรอด 52:1-12

4. ทาสของความทุกข์ทรามาน 52:13-53:12
4.1 บทบรรเลงนำ 52:13-15
4.2 สภาพของทาสของความทุกข์ทรามาน 53:1-3
4.3 ความหมายของทาสของความทุกข์ทรามาน 53:4-6
4.4 ท่าทีต่อความทุกข์ทรามาน 53:7-9
4.5 ผลของความทุกข์ทรามาน 53:10-12

5. สัญญาของความรอด 54-55
5.1 สัญญาเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 1-17
(1) สัญญาเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 1-10
(2) สง่าราศีของกรุงเยรูซาเลมใหม่ 11-17
5.2 จงกลับมาหาพระยาห์เวห์ 55
(1) จงกลับมาหาพระยาห์เวห์ 1-5
(2) การรับรองของความรอด 6-13

6. การช่วยกู้ชีวิตผู้ที่กลับใจเสียใหม่ 56-57
6.1 เตือนกลับใจเสียใหม่ 56:1-8
6.2 ความบาปผู้นำ 56:9-12
6.3 ความตายของคนชอบธรรม 57:1-2
6.4 ความบาปของรูปเคารพ 57:3-13
6.5 การช่วยกู้ชีวิตผู้ที่กลับใจเสียใหม่ 57:14-21

C. ผู้ที่ได้รับความรอด 58-66
1. การสารภาพบาป และ การยกโทษ 58-59
1.1 การกลับใจเสียใหม่ 58
(1) การอดอาหารแท้ 1-9a
(2) การนมัสการพระเจ้าแท้ 9b-12
(3) การรักษาวันสะบาโต 13-14
1.2 การยกโทษ 59
(1) ความบาปของอิสราเอล 1-8
(2) การสารภาพของอิสราเอล 9-15a
(3) สัญญาได้รับความรอดของพระยาห์เวห์ 15b-21

2. สง่าราศีของกรุงเยรูซาเลม 60
2.1 การสถิตของพระยาห์เวห์ 1-3
2.2 การร่วมตัวของประชาชาติ 4-9
2.3 การบรนนิบัตรของคนต่างชาติ 10-14
2.4 สง่าราศีของกรุงเยรูซาเลมใหม่ 15-22

3. ข่าวดี 61-62
3.1 ข่าวดีของกรุงซีโอน 61
(1) หน้าทีของทาสของพระยาห์เวห์ 1-3
(2) การกลับสภาพเดิมของกรุงซีโอน 4-9
(3) การสรรเสริญของพระคุณ 10-11
3.2 ประชากรของพระเมเสีย 62
(1) การรับกรุงซีโอนอีกของพระยาห์เวห์ 1-5
(2) อุดมสมบูรณ์ของกรุงซีโอน 6-9
(3) จงเตรียมตัว 10-12

4. การย้อนคิดถึง และ อธิษฐาน 63:-64
4.1 การพิพากษาของเอโดม 63:1-6
4.2 การย้อนคิดถึงพระคุณของพระยาห์เวห์ 63:7-14
4.3 อธิษฐานเพื่อความรอดของพระองค์ 63:15-64:12
(1) ขอช่วยเหลือจากความบาป และความทุกข์ 63:15-19
(2) ขอพระองค์เสด็จมาเถิด 64:1-7
(3) ช่วยดูแลกรุงซีโอนที่ความเสื่อมโทรม 64:8-12

5. ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ 65-66
5.1 การพิพากษา และความรอด 65
(1) กาพิพากษาต่อผู้ที่นับถือรูปเคารพ 1-7
(2) ทาสของพระยาห์เวห์ และ สตรู 8-16
(3) สัญญาของฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ 17-25
5.2 กรุงเยรูซาเลมใหม่ 66
(1) ติเตียนผู้ที่ไม่ยำเกลงพระเจ้า 1-4
(2) การนุ่นใจต่อผู่ที่ยำเกลงพระเจ้า 5-14
(3) การพิพากษาของพระยาห์เวห์ 15-17
(4) การประชุมของประชาชาติ 18-24


-----


I การพิพากษา 1-35
A. การพิพากษาของอิสราเอล และ ยูดา 1-12
1. การพิพากษาของยูดา 1-5
1.1 การแจ้งความของพระเจ้า 1
(1) หัวข้อ 1
๑ นิมิตเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มที่อิสยาห์บุตรอามอสได้เห็นในรัชกาลของอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ บรรดากษัตริย์ของยูดาห์

(2) การแจ้งความของพระเจ้า 2-17
๒ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงฟัง แผ่นดินโลกเอ๋ย จงเงี่ยหู เพราะพระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°เราได้เลี้ยงลูกและทำให้เติบโตขึ้น แต่พวกเขาได้กบฏต่อเรา ๓ โคยังรู้จักเจ้าของของมัน และลาก็รู้จักรางหญ้าของนายมัน แต่อิสราเอลไม่รู้จักชนชาติของเราไม่เข้าใจ¡± ๔ เออ ประชาชาติบาปหนา ชนชาติที่แบกภาระหนักของความชั่ว เชื้อสายของพวกเลวทราม ลูกที่ทำความเสื่อมเสีย เขาทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์ พวกเขาดูหมิ่นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล เขาทั้งหลายหันหลังให้พระองค์๑ ๕ ทำไมพวกเจ้ายังอยากถูกเฆี่ยนอีก? ทำไมพวกเจ้ากบฏอยู่เรื่อยไป? ศีรษะก็เจ็บไปหมดใจก็อ่อนเปลี้ยไปสิ้น ๖ ตั้งแต่ฝ่าเท้าถึงศีรษะไม่มีตรงไหนปรกติเลยล้วนแต่ฟกช้ำและเป็นรอยเฆี่ยนทั้งยังเป็นแผลเลือดไหล ไม่ได้บีบออกหรือพันไว้ หรือบรรเทาปวด๒ ด้วยน้ำมัน ๗ ประเทศของพวกเจ้าก็ร้างเปล่า เมืองทั้งหลายของเจ้าก็ถูกไฟเผา ส่วนแผ่นดินของเจ้าทั้งหลาย คนต่างด้าวก็ทำลายเสียต่อหน้าพวกเจ้า มันจึงร้างไปเหมือนถูกทำลายล้างด้วยคนต่างด้าว ๘ ส่วนธิดาศิโยนก็ถูกทิ้งไว้ เหมือนเพิงในสวนองุ่น เหมือนกระท่อมในไร่แตงกวา เหมือนเมืองที่ถูกปิดล้อม ๙ ถ้าพระยาห์เวห์จอมทัพ ไม่ได้เหลือคนไว้ให้เราบ้าง เราก็จะเป็นเหมือนเมืองโสโดมและเหมือนเมืองโกโมราห์ ๑๐ จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พวกผู้ปกครองเมืองโสโดม จงเงี่ยหูฟังธรรมบัญญัติของพระเจ้าของเรา พวกประชาชนเมืองโกโมราห์ ๑๑ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°เครื่องบูชามากมายของเจ้านั้นเป็นประโยชน์อะไรกับเรา? แกะตัวผู้ที่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวนั้นเรามีเกินพอแล้ว รวมทั้งไขมันของสัตว์ทั้งหลายที่ขุนไว้นั้น เราไม่ปีติยินดีในเลือดของวัวผู้หรือของลูกแกะหรือของแพะผู้ ๑๒ ¡°เมื่อเจ้าเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเรา ใครขอให้พวกเจ้าทำเช่นนี้๓ ในการเหยียบเข้ามาในบริเวณของเรา? ๑๓ อย่านำของถวายอนิจจังมาอีกเลย เครื่องหอมก็เป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียนต่อเรา วันเทศกาลเลี้ยงข้างขึ้น วันสะบาโตและการเรียกมาชุมนุม เราทนไม่ได้กับการทำชั่วพร้อมกับการประชุมศักดิ์สิทธิ์ ๑๔ ใจของเราเกลียดชัง วันเทศกาลเลี้ยงข้างขึ้นและวันเทศกาลเลี้ยงตามกำหนดของเจ้า มันกลายเป็นภาระหนักบนตัวเรา
เราแบกจนเหน็ดเหนื่อยแล้ว
๑๕ เมื่อพวกเจ้ากางมือของเจ้าออก
เราจะปิดตาของเราจากเจ้า
แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย
เราก็จะไม่ฟัง
ด้วยมือของพวกเจ้าเต็มด้วยเลือด
๑๖ จงชำระตัว และทำตัวเจ้าให้สะอาด
จงเอาความชั่วของเจ้าไปให้พ้นจากสายตาเรา
จงเลิกทำชั่ว
๑๗ จงฝึกทำดี
จงเสาะหาความเป็นธรรม
จงแก้ไขการบีบบังคับ๔
จงแก้ต่างให้ลูกกำพร้าพ่อ
จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย¡±

(3) การเชิญของพระเจ้าเพื่อการโต้แย้ง 18-20
๑๘ พระยาห์เวห์ตรัสว่า มาเถิด ให้พวกเราสู้ความกัน ถึงบาปของเจ้าเป็นเหมือนสีแดงเข้ม
ก็จะขาวอย่างหิมะถึงมันจะแดงเหมือนผ้าแดง ก็จะเป็นอย่างขนแกะ ๑๙ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน ๒๐ แต่ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธและกบฏ เจ้าจะถูกกลืนกินด้วยคมดาบ¡± เพราะว่าพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว
(4) ความโศกเศร้าของผู้เผยพระวจานาของพระเจ้า 21-23
๒๑ นครซื่อสัตย์ กลายเป็นเมืองแพศยาแล้วหนอ เธอเคยเปี่ยมด้วยความยุติธรรม ความชอบธรรมเคยพำนักอยู่ในเธอ แต่บัดนี้มีแต่ฆาตกร
๒๒ เงินของเจ้ากลายเป็นขี้เงินไปแล้ว เหล้าองุ่นของเจ้าก็เจือด้วยน้ำ ๒๓ เจ้านายของท่านเป็นพวกกบฏ และเป็นพรรคพวกกับโจร ทุกคนรักสินบน และไล่ตามของกำนัล เขาไม่ได้แก้ต่างให้ลูกกำพร้าพ่อ และคดีของหญิงม่ายก็มาไม่ถึงพวกเขา

(5) การกลับสู่สภาพเดิมของซิโอน 24-31
๒๔ ฉะนั้น องค์เจ้านายคือพระยาห์เวห์จอมทัพ ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของอิสราเอลตรัสว่า ¡°ดูเถิด เราจะระบายความโกรธเหนือคู่อริของเรา และเราจะแก้แค้นศัตรูของเราให้ตัวเอง ๒๕ เราจะหันมือของเรามาสู้เจ้า เราจะถลุงไล่ขี้แร่ของเจ้าออกเหมือนล้างด้วยน้ำด่าง เราจะเอาสิ่งเจือปนของเจ้าออกให้หมด ๒๖ เราจะทำให้ผู้พิพากษาของเจ้าเป็นเหมือนเดิม และจะให้ที่ปรึกษาของเจ้าเหมือนอย่างครั้งแรก ภายหลัง เขาจะเรียกเจ้าว่านครชอบธรรม เมืองซื่อสัตย์¡± ๒๗ ศิโยนจะได้รับการไถ่ด้วยความยุติธรรม และคนที่กลับใจในนครนั้นจะรับการไถ่ด้วยความชอบธรรม ๒๘ แต่พวกกบฏและพวกคนบาปจะถูกทำลายด้วยกัน และพวกที่ละทิ้งพระยาห์เวห์จะถูกล้างผลาญ ๒๙ เพราะพวกเจ้าจะอับอายเรื่องต้นโอ๊ก๕ ที่เจ้าทั้งหลายชื่นชอบนั้น ทั้งจะอับอายเรื่องสวน ซึ่งเจ้าทั้งหลายได้เลือกนั้น
๓๐ เพราะเจ้าทั้งหลายจะเป็นเหมือนต้นโอ๊ก ที่ใบเหี่ยวแห้ง และเหมือนสวนที่ขาดน้ำ ๓๑ และคนแข็งแรงจะกลายเป็นใยป่าน และกิจการของเขากลายเป็นประกายไฟ แล้วทั้งสองอย่างจะไหม้ไปด้วยกัน และไม่มีใครดับได้

1.2 ความบาปของของยูดา 2:1-4:1
(1) ส่าราศีของอาณาจักรของพระเมเสีย 2:1-4
๑ ถ้อยคำเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มที่อิสยาห์บุตรอามอสได้เห็น ๒ ในวาระสุดท้ายจะเป็นดังนี้
คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้อยู่เหนือบรรดาเนินเขา ประชาชาติทั้งหมดจะหลั่งไหลเข้ามาหา ๓ และชนชาติจำนวนมากจะมาและกล่าวว่า
¡°มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคา๑ ของพระองค์¡± เพราะว่าธรรมบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และพระวจนะของพระยาห์เวห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม ๔ พระองค์จะทรงวินิจฉัยระหว่างประชาชาติทั้งหลาย
และจะทรงตัดสินความให้ชนชาติจำนวนมาก และพวกเขาจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาทั้งหลายให้เป็นขอลิดแขนง ประชาชาติจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กัน และเขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป

(2) ความบาปของนับถือรูปเคารบและความไม่ถ่อมใจ 2:5-22
๕ โอ เชื้อสายของยาโคบเอ๋ย
มาเถิด ให้เราดำเนิน
ในความสว่างของพระยาห์เวห์
๖ เพราะว่าพระองค์๒ ทรงละทิ้งชนชาติของพระองค์เสีย
คือเชื้อสายของยาโคบ
เพราะว่าเขาเต็มด้วย[ผู้ทำนาย ]๓ จากตะวันออก
และเต็มด้วยหมอดูเหมือนคนฟีลิสเตีย
และพวกเขาตีสนิท๔ กับคนต่างชาติ
๗ แผ่นดินของเขาเต็มด้วยเงินและทองคำ
ทรัพย์สมบัติของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด
แผ่นดินของเขาเต็มด้วยพวกม้าศึก
รถรบทั้งหลายของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด
๘ แผ่นดินของเขาเต็มด้วยรูปเคารพ
พวกเขากราบไหว้ผลงานจากมือของเขา
และกราบไหว้สิ่งที่นิ้วมือของเขาได้ทำ
๙ มนุษย์จึงตกต่ำ
และคนก็ต่ำต้อยลง
อย่าอภัยให้๕ เขาทั้งหลายเลย
๑๐ จงหลบเข้าไปอยู่ในหิน
และซ่อนตัวในผงคลี
ให้พ้นจากความน่าเกรงกลัวของพระยาห์เวห์
และจากพระรัศมีแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์
๑๑ ท่าที๖ อันผยองของมนุษย์จะต่ำต้อยลง
และความจองหองของคนจะตกต่ำ
พระยาห์เวห์องค์เดียวจะเป็นที่เทิดทูน
ในวันนั้น
๑๒ เพราะว่าพระยาห์เวห์จอมทัพทรงเตรียมวันหนึ่ง
ซึ่งจะต่อสู้กับสารพัดที่เย่อหยิ่งและโอหัง
ทั้งกับสารพัดที่ถูกยกชูขึ้นซึ่งจะต่ำต้อยลง
๑๓ ที่จะสู้กับต้นสนสีดาร์ทั้งหมดของเลบานอน
ซึ่งสูงและชูขึ้น
และกับต้นโอ๊ก๗ ทั้งหมดแห่งบาชาน
๑๔ ซึ่งจะต่อสู้กับภูเขาสูงทุกลูก
กับเนินเขาทั้งหมดที่ถูกยกขึ้น
๑๕ กับหอคอยสูงทุกแห่ง
และกำแพงที่เข้มแข็งทั้งหมด
๑๖ ที่จะสู้กับกำปั่น๘ ทั้งหมดของทารชิช
และกับเรืองดงามทุกลำ
๑๗ ความผยองของมนุษย์จะตกต่ำลง
และความจองหองของคนจะต่ำต้อยลง
และพระยาห์เวห์องค์เดียวจะเป็นที่เทิดทูนในวันนั้น
๑๘ และพวกรูปเคารพจะสูญสิ้นไป
๑๙ คนจะเข้าไปในถ้ำของหินผา
และในโพรงของพื้นดิน
ให้พ้นจากความน่าเกรงกลัวของพระยาห์เวห์
และจากพระรัศมีแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นทำให้โลกสั่นสะเทือน
๒๐ ในวันนั้นคนจะเหวี่ยง
รูปเคารพของเขาที่ทำด้วยเงินและรูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ
ซึ่งพวกเขาทำให้กับตัวเองเพื่อใช้กราบไหว้นั้นออกไป
ยังตัวตุ่นและตัวค้างคาว
๒๑ เพื่อจะเข้าถ้ำหิน
และเข้าซอกผา
ให้พ้นจากความน่าเกรงกลัวของพระยาห์เวห์
และพ้นจากพระรัศมีแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นทำให้โลกสั่นสะเทือน
๒๒ จงหยุดยึดถือมนุษย์
ซึ่งมีเพียงลมหายใจในจมูกของเขา
ด้วยเขามีคุณค่าอะไรเล่า?

(3) ความบาปของรัฐบาล 3:1-15
๑ เพราะดูสิ องค์เจ้านายคือพระยาห์เวห์จอมทัพ
จะทรงนำไปเสียจากเยรูซาเล็มและจากยูดาห์
ซึ่งสิ่งหล่อเลี้ยงและการจุนเจือ
คือสิ่งหล่อเลี้ยงทั้งหมดซึ่งเป็นอาหาร
และสิ่งหล่อเลี้ยงทั้งหมดซึ่งเป็นน้ำดื่ม
๒ นักรบและทหาร
ผู้วินิจฉัยและผู้เผยพระวจนะ
ผู้ทำนายและผู้ใหญ่
๓ นายกอง๑
และคนมีตำแหน่งสูง
ที่ปรึกษาและคนเล่นไสยศาสตร์ที่เจนจัด
ทั้งผู้ชำนาญการทำอาถรรพณ์
๔ และเราจะทำให้เด็กๆ เป็นเจ้านายของเขา
และทารกจะปกครองเขาทั้งหลาย
๕ และประชาชนจะบีบบังคับกันและกัน๒
แต่ละคนจะบีบบังคับคนอื่น
และแต่ละคนจะบีบบังคับเพื่อนบ้านของตน
เด็กๆ จะโอหังต่อ๓ ผู้อาวุโส
และคนเลวต่อคนมีเกียรติ
๖ เมื่อคนหนึ่งคนใดบังคับ๔ พี่น้องของเขา
ในบ้านของบิดาของเขา กล่าวว่า
¡°เจ้ามีเสื้อคลุมอยู่แล้ว
ให้เจ้าเป็นผู้นำของเรา
และซากหักพังนี้จะอยู่ใต้กำมือของเจ้า¡±
๗ แต่ในวันนั้นเขาจะคัดค้านว่า
¡°ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้แก้ไข๕
ในบ้านของข้าพเจ้าไม่มีทั้งอาหารและเสื้อคลุม
พวกท่านอย่าแต่งตั้งข้าพเจ้า
เป็นผู้นำของประชาชนเลย¡±
๘ เพราะเยรูซาเล็มก็สะดุด
และยูดาห์ก็ล้มลง
เพราะวาจาและการกระทำของพวกเขาล้วนต่อสู้พระยาห์เวห์
กบฏต่อการทรงสถิตด้วยพระสิริ๖ ของพระองค์
๙ สีหน้าของเขาทั้งหลายเป็นพยานปรักปรำเขา
พวกเขาป่าวร้องความบาปของเขาอย่างเมืองโสโดม
พวกเขาไม่ได้ปิดบังเลย
วิบัติแก่ตัวเขา
เพราะว่าพวกเขานำความหายนะมาสู่พวกเขาเอง
๑๐ จงบอกคนชอบธรรมว่าเขาจะเป็นสุข
เพราะพวกเขาจะได้รับผล๗ การกระทำของเขา
๑๑ วิบัติแก่คนอธรรม เพราะว่าสิ่งเลวร้ายจะเกิดกับเขา
เพราะว่าเขาต้องถูกจัดการตามสิ่งที่มือของเขาได้ทำ
๑๒ ส่วนชนชาติของเรานั้น เด็กๆ เป็นผู้บีบบังคับเขา
และผู้หญิงปกครองเหนือพวกเขา
โอ ชนชาติของเราเอ๋ย ผู้นำของเจ้าทำให้เจ้าหลงทาง
ทั้งทำให้วิถีทางของพวกเจ้าสับสน
๑๓ พระยาห์เวห์ทรงยืนตัดสินความ
พระองค์ทรงยืนพิพากษาชนชาติของพระองค์
๑๔ พระยาห์เวห์ทรงเข้าไปพิพากษา
พวกผู้ใหญ่และเจ้านายแห่งชนชาติของพระองค์
¡°พวกเจ้านี่แหละที่กลืนกินสวนองุ่น
ของริบจากคนจนก็อยู่ในบ้านของเจ้า
๑๕ ที่พวกเจ้าบีบคั้นชนชาติของเรา
และบดขยี้หน้าคนจนนั้นหมายความว่าอย่างไร¡± พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ ตรัสดังนี้แหละ

(4) ความบาปของสตรีชั้นสูง 3:16-4:1
๑๖ และพระยาห์เวห์ตรัสว่า
¡°เพราะว่าบรรดาธิดาศิโยนนั้นหยิ่งผยอง
และเดินคอยืดคอยาว
ทั้งส่งตาหวาน
เดินกระตุ้งกระติ้ง
ขยับเท้าให้มีเสียงกรุ๋งกริ๋ง
๑๗ องค์เจ้านายจะให้เป็นรอยแผลตกสะเก็ด
บนศีรษะของบรรดาธิดาศิโยน
และพระยาห์เวห์จะทำให้หน้าผากของพวกนางโล้น¡±
๑๘ ในวันนั้นองค์เจ้านายจะเอาบรรดาสิ่งงดงามไปเสีย คือกำไลข้อเท้า ปันจุเหร็จ๘ ตุ้มวงเดือน ๑๙ จี้ กำไลมือ ผ้าแถบ ๒๐ ผ้ามาลา กำไลต้นแขน ผ้าคาดเอว ผอบน้ำมันหอม ตะกรุด ๒๑ แหวนตราและห่วงที่จมูก ๒๒ เสื้อออกงานและเสื้อคลุม ผ้าคลุมและกระเป๋าถือ ๒๓ เสื้อผ้าโปร่ง๙ เสื้อผ้าลินิน ผ้าโพกศีรษะและผ้าคลุมหน้า
๒๔ แทนน้ำหอมจะมีแต่ความเน่าเหม็น
แทนผ้าคาดเอวจะมีแต่เชือกรัด
แทนผมดัดจะมีแต่ศีรษะล้าน
แทนเสื้องามล้ำค่า จะมีแต่ผ้ากระสอบ๑๐
แทนความงดงาม จะมีแต่ความอับอาย
๒๕ พวกผู้ชายของท่านจะล้มลงด้วยดาบ
และทหารกล้าของท่านจะล้มลงในสงคราม
๒๖ ประตูเมืองของเธอ๑๑ จะร้องไห้และไว้ทุกข์
เธอจะถูกทำลาย๑๒ แล้วนั่งอยู่บนดิน
๑ ในวันนั้นหญิงเจ็ดคนจะยึดชายคนหนึ่งไว้ กล่าวว่า
¡°เราจะกินอาหารของเราเองและสวมเครื่องนุ่งห่มของเราเอง
ขอเพียงให้คนเรียกเราตามชื่อของท่าน
ขอโปรดเอาความอดสูของเราไปเสีย¡±

1.3 ความหวังของการกลับสู่สภาพเดิม 4:2-6
๒ ในวันนั้นกิ่งของพระยาห์เวห์จะงดงามและรุ่งโรจน์ และผลิตผลของแผ่นดินจะเป็นความภูมิใจและเป็นเกียรติของผู้รอดตายในอิสราเอล ๓ และคนที่เหลืออยู่ในศิโยนและตกค้างอยู่ในเยรูซาเล็มจะถูกเรียกว่าบริสุทธิ์ คือทุกคนที่ถูกบันทึกว่ามีชีวิตในเยรูซาเล็ม ๔ เมื่อองค์เจ้านายได้ทรงล้างความโสโครกของบรรดาธิดาศิโยน และชำระรอยเลือดของเยรูซาเล็มจากท่ามกลางเมืองนั้น ด้วยวิญญาณแห่งการพิพากษาและวิญญาณแห่งการเผาไหม้ ๕ และพระยาห์เวห์จะทรงสร้างเมฆสำหรับกลางวัน ทั้งควันและแสงของเปลวเพลิงสำหรับกลางคืน อยู่เหนือทุกแห่งหนของภูเขาศิโยนและเหนือที่ชุมนุมของเมืองนั้น เพราะจะมีกระโจมคลุมเหนือพระสิริทั้งสิ้น ๖ และจะเป็นร่มเงาบังแดดเวลากลางวัน ทั้งเป็นที่ลี้ภัยและที่กำบังจากพายุและห่าฝน

1.4 เพลงแห่งสวนองุ่น 5
(1) เพลงแห่งสวนองุ่น 1-7
๑ ขอให้ข้าพเจ้าร้องเพลงเพื่อสหายรัก๑ ของข้าพเจ้า
เป็นเพลงของสหายรักของข้าพเจ้าเกี่ยวกับสวนองุ่นของท่าน
สหายรักของข้าพเจ้ามีสวนองุ่นแปลงหนึ่ง
อยู่บนเนินเขาอันอุดมยิ่ง
๒ ท่านขุดแล้วเก็บก้อนหินออกหมด
และปลูกเถาองุ่นอย่างดีไว้
ท่านสร้างหอเฝ้าอยู่ท่ามกลาง
และสกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ในสวนนั้นด้วย
ท่านคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่น[หวาน ]๒
แต่มันกลับเกิดผลเปรี้ยว
๓ บัดนี้ ชาวเยรูซาเล็ม
และคนยูดาห์เอ๋ย
จงตัดสินระหว่างเรา
กับสวนองุ่นของเรา
๔ มีอะไรที่จะทำได้อีกเพื่อสวนองุ่นของเรา
ซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้
เมื่อเราคาดหวังว่ามันจะเกิดผลองุ่น[หวาน ]
ทำไมมันจึงเกิดผลเปรี้ยว?
๕ บัดนี้เราจะบอกเจ้าทั้งหลายว่า
เราจะทำอะไรกับสวนองุ่นของเรา
เราจะรื้อรั้วกั้นของมันออก
แล้วมันก็จะถูกทำลาย
เราจะพังกำแพงของมันลง
แล้วมันก็จะถูกเหยียบย่ำ
๖ เราจะทำให้มันเป็นที่ร้าง
จะไม่มีใครลิดแขนงหรือพรวนดิน
หนามย่อยหนามใหญ่ก็จะงอกขึ้น
และเราจะบัญชาเมฆ
ไม่ให้โปรยฝนรดมัน
๗ เพราะว่าสวนองุ่นของพระยาห์เวห์จอมทัพ
คือวงศ์วานอิสราเอล
และคนยูดาห์
เป็นต้นไม้ที่พระองค์ทรงชื่นชอบ
และพระองค์ทรงคาดหวังความยุติธรรม
แต่ ดูซิ มีการนองเลือด
ทรงคาดหวังความชอบธรรม
แต่ ดูซิ มีเสียงร้องให้ช่วย

(2) วิบัติแก่พวกท่าน 8-24
๘ วิบัติแก่พวกที่เสริมบ้านด้วยบ้าน
และเพิ่มนาด้วยนา
จนไม่มีเหลือให้คนอื่นอีกแล้ว
และพวกเจ้าอยู่เพียงลำพังในแผ่นดินนั้น
๙ พระยาห์เวห์จอมทัพทรงกล่าวกับข้าพเจ้า๓
¡°แน่ทีเดียวบ้านหลายหลังจะต้องร้างเปล่า
บ้านใหญ่และบ้านงามจะไม่มีคนอาศัย
๑๐ เพราะว่าสวนองุ่น 25 ไร่๔ จะได้น้ำองุ่นเพียง 8 ลิตร
และเมล็ดพืช 180 ลิตรจะให้ผลผลิตเพียง 18 ลิตร¡±
๑๑ วิบัติแก่พวกที่ลุกขึ้นแต่เช้ามืด
เพื่อวิ่งหาเมรัย
และพวกที่อยู่จนดึกดื่น
แล้วเหล้าองุ่นทำให้เขาเมาหยำเป
๑๒ งานเลี้ยงของเขามีพิณเขาคู่และพิณใหญ่
รำมะนา ขลุ่ยและเหล้าองุ่น
แต่พวกเขาไม่ได้สนใจพระราชกิจของพระยาห์เวห์
หรือพิจารณาพระหัตถกิจของพระองค์
๑๓ เพราะฉะนั้นชนชาติของเราจึงตกเป็นเชลยเพราะขาดความรู้
คนสูงศักดิ์ของเขาเป็นคนหิวโหย
และมวลชนของเขาก็แห้งผากเพราะความกระหาย
๑๔ เพราะฉะนั้นแดนคนตายก็ขยายคอของมันออก
และอ้าปากกว้างอย่างไม่จำกัด
และพวกเจ้านายของเยรูซาเล็มและมวลชนของเมืองนั้นก็ลงไป
พร้อมทั้งเสียงอึกทึกและความรื่นเริงที่อยู่ในนั้น
๑๕ มนุษย์ก็ถูกลดต่ำลงและคนก็ต่ำต้อยลง
และนัยน์ตาของผู้ผยองก็ต่ำต้อยลง
๑๖ แต่พระยาห์เวห์จอมทัพจะได้รับการเทิดทูนไว้โดยความยุติธรรม
และพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์โดยความชอบธรรม
๑๗ แล้วลูกแกะจะหากินเหมือนเป็นลานหญ้าของพวกมัน
คนต่างด้าว๕ จะหากินอยู่ในที่ปรักหักพังของคนร่ำรวย
๑๘ วิบัติแก่พวกที่ลากความผิดด้วยสายเชือกของความเท็จ
และลากความบาปเหมือนกับใช้เชือกโยงเกวียน
๑๙ คือพวกที่กล่าวว่า ¡°ให้พระองค์รีบเร่ง
ให้พระองค์เร่งงานของพระองค์
เพื่อเราจะได้เห็น
ให้แผนงานขององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลสำเร็จโดยเร็ว
เพื่อเราจะได้รู้¡±
๒๐ วิบัติแก่พวกที่เรียกความชั่วว่าความดี
และเรียกความดีว่าความชั่ว
พวกที่ถือว่าความมืดคือความสว่าง
และความสว่างคือความมืด
พวกที่ถือว่าความขมคือความหวาน
และความหวานคือความขม
๒๑ วิบัติแก่พวกคนที่ฉลาดในสายตาของตัวเอง
และเฉียบแหลมในสายตาของตน
๒๒ วิบัติแก่พวกที่เป็นวีรบุรุษในการดื่มเหล้าองุ่น
และเป็นคนแกล้วกล้าในการผสมเมรัย
๒๓ พวกที่ตัดสินคนชั่วให้พ้นผิดเพราะสินบน
และเอาความเป็นธรรมไปจากผู้ชอบธรรม
๒๔ ดังนั้น เปลวไฟเผาผลาญตอข้าวเช่นไร
และหญ้าแห้งยุบลงในเปลวเพลิงเช่นไร
รากของพวกเขาก็จะเป็นเหมือนความเปื่อยเน่า
และความเบ่งบานของเขาจะฟุ้งกระจายไปเหมือนผงคลีเช่นนั้น
เพราะเขาทั้งหลายได้ละทิ้งธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์จอมทัพ
และดูหมิ่นพระวจนะขององค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล

(3) พระพิโรธของพระยาห์เวห์ 25-30
๒๕ เหตุฉะนั้น พระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์
และพระองค์เหยียดพระหัตถ์พระองค์ออกต่อต้านเขาและโจมตีเขา
แล้วภูเขาทั้งหลายก็สั่นสะเทือน
และซากศพของพวกเขาก็เหมือนกองขยะ
อยู่กลางถนน
ถึงกระนั้น พระพิโรธของพระองค์ก็ไม่สร่างซา
และพระหัตถ์ของพระองค์ก็ยังเหยียดออกอยู่
๒๖ พระองค์จะทรงให้สัญญาณแก่ประชาชาติที่อยู่ไกล
และผิวพระโอษฐ์เรียกเขามาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก
และนี่แน่ะ เขาจะมาอย่างเร็วและรีบเร่ง
๒๗ ไม่มีใครในพวกเขาอ่อนเปลี้ย และไม่มีใครสะดุดล้ม
ไม่มีใครง่วงเหงาหรือนอนหลับ
ไม่มีสายคาดเอวสักเส้นหลุดอยู่
ไม่มีสายรัดรองเท้าสักสายขาดไป
๒๘ ลูกธนูทั้งหมดของเขาล้วนแหลมคม
คันธนูทั้งสิ้นของเขาก็โก่งไว้
กีบม้าทั้งหลายของเขาเหมือนหินเหล็กไฟ
และล้อรถของเขาเหมือนพายุหมุน
๒๙ เสียงคำรามของเขาเหมือนสิงโต
เขาคำรามดั่งสิงโตหนุ่มทั้งหลาย
เขาคำรนขณะตะครุบเหยื่อ
แล้วเขาขนไปโดยไม่มีใครช่วยกู้ได้
๓๐ ในวันนั้นเขาจะคำรนเหนือเหยื่อนั้น
เหมือนดังเสียงคะนองของทะเล
และถ้าใครมองไปยังแผ่นดิน
ดูสิ มีแต่ความมืดและความทุกข์ใจ
แม้ความสว่างก็ถูกเมฆบดบังเสีย

2. การทรงเรียกของอิสยาห์ของพระเจ้า 6
๑ ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์เจ้านายประทับบนพระที่นั่งอันสูงส่งและรับการเทิดทูน และชายฉลองพระองค์๑ ของพระองค์เต็มพระวิหาร ๒ เหนือพระองค์มีพวกเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละองค์มีปีก 6 ปีก ใช้ 2 ปีกปิดหน้า ใช้ 2 ปีกปิดเท้า และใช้ 2 ปีกบินไป ๓ ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า
¡°บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระยาห์เวห์จอมทัพ
แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์¡±
๔ แล้วฐานของธรณีประตูทั้งหลายก็สั่นไหวเนื่องด้วยเสียงของผู้ร้อง และพระนิเวศก็เต็มด้วยควัน ๕ และข้าพเจ้ากล่าวว่า ¡°วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาดและข้าพเจ้าอยู่ท่ามกลางชนชาติที่ริมฝีปากไม่สะอาด แต่ดวงตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระยาห์เวห์จอมทัพ¡±
๖ แล้วองค์หนึ่งในพวกเสราฟิมบินมาหาข้าพเจ้า ในมือมีถ่านเพลิงซึ่งท่านเอาคีมคีบมาจากแท่นบูชา ๗ และท่านแตะต้องปากของข้าพเจ้าพูดว่า ¡°นี่แน่ะ สิ่งนี้ได้แตะต้องริมฝีปากของเจ้าแล้ว ความผิดของเจ้าก็ถูกขจัด และบาปของเจ้าก็ได้รับการลบล้าง¡± ๘ และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์เจ้านายตรัสว่า ¡°เราจะใช้ผู้ใดไป? และผู้ใดจะไปแทนพวกเรา?¡± แล้วข้าพเจ้าทูลว่า ¡°ข้าพระองค์อยู่นี่ ขอทรงใช้ข้าพระองค์เถิด¡± ๙ และพระองค์ตรัสว่า ¡°ไปเถอะและกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า
¡®ฟังแล้วฟังอีก แต่อย่าเข้าใจ
ดูแล้วดูอีก แต่อย่ามองเห็น¡¯
๑๐ จงทำให้ใจของชนชาตินี้มืดทึบ
และทำให้หูของเขาตึง
และทำให้ตาของเขาบอด
มิฉะนั้นเขาจะเห็นด้วยตาของเขา
ได้ยินด้วยหูของเขา
และเข้าใจด้วยใจของเขา
แล้วหันกลับมาและได้รับการรักษาให้หาย¡±
๑๑ แล้วข้าพเจ้าว่า ¡°ข้าแต่องค์เจ้านาย นานเท่าไร?¡± และพระองค์ตรัสว่า
¡°จนกว่าเมืองทั้งหลายถูกทิ้งร้าง
ไม่มีผู้อยู่อาศัย
และบ้านเรือนไม่มีคน
แผ่นดินก็ร้างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
๑๒ และพระยาห์เวห์ทรงกวาดคนออกไปไกล
และที่ที่ถูกทิ้งร้างท่ามกลางแผ่นดินนั้นมีมากมาย
๑๓ และแม้ว่ายังมีเหลืออยู่ในนั้นสักหนึ่งในสิบ
ก็จะต้องถูกไฟเผาอีก
เหมือนต้นสนหรือต้นโอ๊ก๒
ซึ่งเหลืออยู่แต่ตอ
เมื่อถูกโค่น¡±
ตอของมันคือเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์

3. อาณาจักรของพระเมเสีย 7-12
3.1 อิมมานูเอล 7
(1) การบุกรุกของซีเรีย 1-9
๑ ในรัชกาลของอาหัสพระราชโอรสของโยธาม พระราชโอรสของอุสซียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ เรซีนกษัตริย์แห่งซีเรีย และเปคาห์พระราชโอรสของเรมาลิยาห์ กษัตริย์แห่งอิสราเอลขึ้นมายังเยรูซาเล็ม เพื่อทำสงครามกับเมืองนั้น แต่ไม่อาจรบชนะเมืองนั้น ๒ เมื่อเขาไปรายงานต่อราชวงศ์ของดาวิดว่า ¡°ซีเรียมาตั้งค่ายอยู่ในเขต๑ เอฟราอิมแล้ว¡± พระทัยของพระองค์และใจของประชาชนของพระองค์ก็สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นขณะต้องแรง๒ ลม
๓ และพระยาห์เวห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า ¡°จงออกไปพบอาหัส ทั้งตัวเจ้าและเชอารยาชูบ๓ บุตรชายของเจ้า ณ ปลายท่อส่งน้ำของสระบนตรงถนนลานซักฟอก ๔ และจงกล่าวกับเขาว่า ¡®จงระวัง จงสงบ และอย่ากลัว อย่าให้ใจของเจ้าขลาดกลัว เนื่องจากเศษดุ้นฟืนจวนมอดสองชิ้นนี้ เพราะความกริ้วรุนแรงของเรซีน ซีเรียและบุตรของเรมาลิยาห์ ๕ เพราะว่าซีเรียและเอฟราอิมรวมทั้งบุตรของเรมาลิยาห์ได้วางแผนชั่วร้ายต่อเจ้า กล่าวว่า ๖ ¡°ให้เราทั้งหลายขึ้นไปต่อสู้กับยูดาห์ และทำให้มันหวาดกลัว แล้วให้เราทะลวงเมืองของเขาเพื่อพวกเราเอง และตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นกษัตริย์ในเมืองนั้น¡± ¡¯ ๗ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
¡°มันจะไม่เป็นเช่นนั้น
และมันจะไม่เกิดขึ้น
๘ เพราะเศียรของซีเรียคือดามัสกัส
และเศียรของดามัสกัสคือเรซีน
(เอฟราอิมจะแตกเป็นชิ้นๆ จนไม่เป็นชนชาติภายใน 65 ปี)
๙ และเศียรของเอฟราอิมคือสะมาเรีย
และเศียรของสะมาเรียคือบุตรของเรมาลิยาห์
ถ้าเจ้าไม่เชื่อมั่น
เจ้าก็ไม่อาจตั้งมั่น¡±

(2) ลางอิมมานูเอล 10-16
๑๐ พระยาห์เวห์ตรัสกับอาหัสอีกว่า ๑๑ ¡°จงขอหมายสำคัญจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ไม่ว่าจะให้ลึกถึงแดนคนตายหรือสูงเทียมฟ้าก็ได้¡± ๑๒ แต่อาหัสตอบว่า ¡°เราจะไม่ทูลขอ และเราจะไม่ลองพระยาห์เวห์ดู¡± ๑๓ และอิสยาห์๔ กล่าวว่า ¡°ข้าแต่ราชวงศ์ของดาวิด ขอทรงฟัง การทำให้มนุษย์อ่อนใจนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกท่านหรือ? และฝ่าพระบาทยังให้พระเจ้าของข้าพระบาทอ่อนพระทัยด้วยหรือ? ๑๔ เพราะฉะนั้น องค์เจ้านายจะประทานหมายสำคัญด้วยพระองค์เอง นี่แน่ะ หญิงสาว๕ คนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และคนจะเรียกนามของเขาว่า อิมมานูเอล๖ ๑๕ เขาจะรับประทานนมข้นและน้ำผึ้ง ในเวลาที่เขารู้จักปฏิเสธความชั่วและเลือกความดี ๑๖ เพราะก่อนที่เด็กนั้นจะรู้จักปฏิเสธความชั่วและเลือกความดี แผ่นดินของกษัตริย์ทั้งสององค์ซึ่งฝ่าพระบาทหวาดกลัวนั้นจะร้างเปล่าไป

(3) กำลังจะบุกรุกของอัสซีเรีย 17-25
๑๗ พระยาห์เวห์จะทรงนำวันเวลานั้นมาเหนือฝ่าพระบาท เหนือชนชาติของฝ่าพระบาทและเหนือเชื้อสายพระราชบิดาของฝ่าพระบาท เป็นวันเวลาอย่างที่ไม่เคยปรากฏตั้งแต่สมัยเอฟราอิมแยกจากยูดาห์ คือ[วันเวลา ]ของ๗ พระราชาของอัสซีเรีย
๑๘ ¡°ในวันเวลานั้น พระยาห์เวห์จะทรงผิวพระโอษฐ์เรียกเหลือบซึ่งอยู่ทางต้นน้ำของแม่น้ำแห่งอียิปต์ และเรียกผึ้งซึ่งอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย ๑๙ แล้วพวกมันจะมากันหมด และเกาะอยู่ตามห้วยชัน ในซอกหิน และบนต้นหนามขี้แรดทั้งหมดและบนลานหญ้าทั้งสิ้น
๒๐ ¡°ในวันนั้น องค์เจ้านายจะทรงใช้มีดโกนซึ่งเช่ามาจากดินแดนอีกฟากของแม่น้ำยูเฟรติส คือพระราชาของอัสซีเรีย ในการโกนศีรษะ ขนในที่ลับ๘ และจะทึ้งหนวดเคราออกไปด้วย
๒๑ ¡°ในวันนั้นชายคนหนึ่งจะเลี้ยงแม่โคสาวไว้ตัวหนึ่งและแกะสองตัว ๒๒ และเพราะมันให้นมมากมาย เขาจะรับประทานนมข้น เพราะว่าทุกคนที่เหลืออยู่ในแผ่นดินจะรับประทานนมข้นและน้ำผึ้ง
๒๓ ¡°ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีเถาองุ่นหนึ่งพันเถา ซึ่งมีค่าเป็นเงิน 1,000 เชเขล จะกลายเป็นต้นหนามย่อยและหนามใหญ่ ๒๔ ผู้คนจะไปที่นั่นพร้อมกับคันธนูและลูกธนู เพราะว่าทั้งแผ่นดินจะมีแต่หนามย่อยและหนามใหญ่ ๒๕ ส่วนเนินเขาทุกแห่งที่เคยถูกขุดด้วยจอบ เจ้าจะไม่ไปที่นั่นเพราะกลัวหนามย่อยและหนามใหญ่ แต่เนินเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นที่ซึ่งเขาปล่อยฝูงโคเดินเล่น และที่ซึ่งให้ฝูงแกะเหยียบย่ำ¡±

3.2 มาเฮร์-ชาลาล-หัช-บัส 8
(1) การบุกรุกของอัสซีเรีย 1-8
๑ แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ¡°จงเอากระดานแผ่นใหญ่มาแผ่นหนึ่ง และจงเขียนลงบนนั้นด้วยอักษรง่ายๆ๑ ว่า ¡®มาเฮร์-ชาลาล-หัช-บัส¡¯ ¡±๒ ๒ และข้าพเจ้าได้พยานที่น่าเชื่อถือคืออุรียาห์ปุโรหิต และเศคาริยาห์บุตรของเยเบเรคียาห์เพื่อเป็นพยานให้ข้าพเจ้า ๓ แล้วข้าพเจ้าเข้าไปหาผู้เผยพระวจนะหญิง๓ นางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ¡°จงเรียกชื่อบุตรนั้นว่า ¡®มาเฮร์-ชาลาล-หัช-บัส¡¯ ๔ เพราะก่อนที่เด็กนั้นจะรู้จักเรียก ¡®พ่อ แม่¡¯ ได้ ทรัพย์สมบัติของดามัสกัสและของที่ริบได้จากสะมาเรียจะถูกขนเอาไปเฉพาะพระพักตร์พระราชาของอัสซีเรีย¡±
๕ แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า ๖ ¡°เพราะว่าชนชาตินี้ได้ปฏิเสธน้ำแห่งชิโลอาห์ที่ไหลเอื่อยๆ และยินดีเกี่ยวกับ๔ เรซีนและบุตรของเรมาลิยาห์¡± ๗ เพราะฉะนั้น ดูซิ องค์เจ้านายจะทรงนำน้ำแห่งแม่น้ำยูเฟรติสที่มีกำลังและมีมากมาย คือพระราชาของอัสซีเรียและศักดิ์ศรีทั้งหมดของพระองค์มาสู้กับพวกเขา น้ำนั้นจะไหลล้นลำคลองทุกสายของมัน และท่วมฝั่งทั้งหมดของมัน ๘ และจะกวาดต่อเข้าไปในยูดาห์ มันจะท่วมท้นและไหลผ่านไปจนถึงลำคอ และปีกที่แผ่ออกของมัน๕ จะปกคลุมความกว้างของแผ่นดินของท่านนะ ท่านอิมมานูเอล

(2) การพ่ายแพ้ของศัตรู 9-15
๙ ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงรู้๖ และจงหวาดกลัว๗
ทุกดินแดนที่ห่างไกลเอ๋ย จงเงี่ยหูฟัง
จงคาดเอวของพวกเจ้าไว้และจงหวาดกลัว
จงคาดเอวของพวกเจ้าไว้และจงหวาดกลัว
๑๐ จงวางแผนร่วมกัน แต่ก็จะล้มเหลว
จงหารือกัน แต่จะยืนหยัดอยู่ไม่ได้
เพราะพระเจ้าสถิตกับเรา๘
๑๑ เพราะว่าพระยาห์เวห์ตรัสเช่นนี้กับข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์อันทรงพลัง และทรงเตือนข้าพเจ้าไม่ให้ดำเนินในทางของชนชาตินี้ โดยตรัสว่า ๑๒ ¡°พวกเจ้าอย่าเรียกว่าการร่วมคิดกบฏ ในทุกสิ่งที่ชนชาตินี้เรียกว่า การร่วมคิดกบฏ และพวกเจ้าอย่ากลัวในสิ่งที่เขาทั้งหลายกลัวและอย่าหวาดหวั่น¡± ๑๓ แต่พระยาห์เวห์จอมทัพนั้นแหละ ที่พวกท่านต้องถือว่าศักดิ์สิทธิ์ พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ท่านต้องกลัว และทรงเป็นผู้ที่ท่านต้องหวาดหวั่น ๑๔ แล้วพระองค์จะเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็จะเป็นหินสะดุดและเป็นศิลาที่ทำให้เชื้อสายทั้งสองของอิสราเอลหกล้ม ทั้งเป็นกับดักและเป็นบ่วงแร้วสำหรับชาวเยรูซาเล็ม ๑๕ และคนจำนวนมากจะหกล้มเพราะหินนั้น จะล้มคะมำและแตกหัก พวกเขาจะติดบ่วงและถูกจับไป

(3) การรอเคยพระเจ้า 16-22
๑๖ จงเก็บ๙ คำพยานไว้ และจงผนึกตราธรรมบัญญัติไว้ในพวกสาวกของข้าพเจ้า ๑๗ ข้าพเจ้าจะรอคอยพระยาห์เวห์ผู้ซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากเชื้อสายของยาโคบ และข้าพเจ้าจะมุ่งหวังในพระองค์ ๑๘ ดูสิ ข้าพเจ้าและบุตรซึ่งพระยาห์เวห์ประทานแก่ข้าพเจ้านั้นเป็นหมายสำคัญและเป็นสัญลักษณ์ในอิสราเอลที่มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพ ผู้ประทับบนภูเขาศิโยน ๑๙ และเมื่อเขาทั้งหลายกล่าวกับพวกท่านว่า ¡°จงปรึกษากับคนทรงหรือพ่อมดแม่มดผู้ร้องเสียงจ้อกแจ้กและเสียงพึมพำ¡± ไม่ควรหรือที่ประชาชนจะปรึกษาพระเจ้าของเขา? ควรหรือที่เขาจะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็น? ๒๐ ไปดูธรรมบัญญัติและถ้อยคำพยาน แน่ทีเดียวคนที่ไม่พูดเช่นข้าพเจ้า๑๐ ก็จะเป็นคนที่ไม่มีรุ่งอรุณเลย ๒๑ พวกเขาจะผ่านแผ่นดินไปด้วยความทุกข์ลำบากและด้วยความหิว เมื่อเขาหิว เขาจะเกรี้ยวกราดและแช่งด่าพระราชาของเขาและพระเจ้าของเขา เมื่อแหงนหน้าขึ้นข้างบน ๒๒ และเมื่อมองดูบนแผ่นดินโลก ดูสิ มีแต่ความทุกข์ใจและความมืดมน ความเศร้าของความระทมใจ และเขาจะถูกผลักไสเข้าไปในความมืดทึบ

3.3 อาณาจักรของพระเมเสีย 9:1-7
๑ แต่เมืองนั้นที่อยู่ในสภาพโศกเศร้าจะไม่ทุกข์ระทมอีก ในกาลก่อนพระองค์ทรงให้แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลีเป็นที่ดูหมิ่น แต่ในภายหลัง พระองค์จะทรงทำหนทางฝั่งทะเล และดินแดนฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือกาลิลีของบรรดาประชาชาตินั้นให้รุ่งโรจน์
๒ ชนชาติที่ดำเนินในความมืด
เห็นความสว่างยิ่งใหญ่
บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งเงามัจจุราช
แสงสว่างส่องมาบนเขาทั้งหลาย
๓ พระองค์ทรงทวีจำนวนคนในชาตินั้นขึ้น
พระองค์ทรงเพิ่มพูนความชื่นบานของพวกเขา
เขาทั้งหลายเปรมปรีดิ์เฉพาะพระพักตร์พระองค์
ดั่งความชื่นบานในฤดูเกี่ยวเก็บ
ดั่งคนยินดีเมื่อเขาแบ่งของริบให้แก่กัน
๔ เพราะว่าแอกอันเป็นภาระหนักของเขาก็ดี
ไม้พลองที่ตีบ่าเขาก็ดี
ไม้ตะบองของผู้บีบบังคับเขาก็ดี
พระองค์ทรงหักเสียเหมือนอย่างในวันของคนมีเดียน
๕ เพราะรองเท้าทหารทุกคู่ที่กระทืบจนสั่นสะเทือน
และเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิต
จะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงใส่ไฟ
๖ ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา
และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน
และเขาจะขนานนามของท่านว่า
¡°ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช¡±
๗ การเพิ่มพูนขึ้นของการปกครองและสันติภาพของท่าน
จะไม่มีที่สิ้นสุด
บนพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์
เพื่อจะสถาปนาและเชิดชูมันไว้
ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล
ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทำการนี้

3.4 ความบาปของอิสลาเอล 9:8-10:4
๘ องค์เจ้านายทรงใช้พระวจนะไปต่อสู้ยาโคบ
และจะตกอยู่เหนืออิสราเอล
๙ และประชาชนทั้งหมดจะรู้เรื่อง
คือเอฟราอิมและชาวสะมาเรีย
ผู้กล่าวด้วยความเย่อหยิ่งและด้วยจิตใจจองหองว่า
๑๐ ¡°ก้อนอิฐทั้งหลายพังลงแล้ว
แต่เราจะสร้างด้วยศิลาสลัก
ต้นมะเดื่อถูกโค่นลง
แต่เราจะทดแทนด้วยต้นสีดาร์¡±
๑๑ พระยาห์เวห์จึงทรงหนุนปฏิปักษ์ของเรซีนมาสู้เขาทั้งหลาย
และทรงกระตุ้นพวกศัตรูของเขา
๑๒ คือคนซีเรียทางตะวันออกและคนฟีลิสเตียทางตะวันตก
และพวกเขาจะอ้าปากออกกลืนกินอิสราเอลเสีย
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
๑๓ แต่ประชาชนก็ไม่ได้หันมาหาพระองค์ผู้ทรงตีพวกเขา
และไม่ได้แสวงหาพระยาห์เวห์จอมทัพ
๑๔ พระยาห์เวห์จึงทรงตัดหัวและตัดหางของอิสราเอลออก
ทั้งใบตาลและต้นอ้อเล็กในวันเดียว
๑๕ ผู้ใหญ่และคนมีตำแหน่งสูงคือหัว
ส่วนผู้เผยพระวจนะและผู้สอนเท็จคือหาง
๑๖ เพราะพวกคนที่นำชนชาตินี้ได้นำเขาทั้งหลายให้หลง
และคนที่ถูกพวกเขานำก็ถูกกลืนกินไป๑
๑๗ ฉะนั้น องค์เจ้านายไม่ทรงเปรมปรีดิ์ในพวกคนหนุ่มของเขา
และไม่ทรงเมตตาลูกกำพร้าหรือหญิงม่ายของเขา
เพราะว่าทุกคนล้วนไม่มีพระเจ้าและเป็นคนทำความชั่ว
และปากทุกปากก็กล่าวคำโฉดเขลา
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
๑๘ เพราะความอธรรมก็ไหม้เหมือนไฟไหม้
มันเผาทั้งหนามย่อยและหนามใหญ่
มันจุดไฟเข้าไปที่พุ่มไม้ของป่าทึบ
แล้วป่าก็สลายตัวเป็นกลุ่มควันลอยขึ้น
๑๙ เพราะพระพิโรธของพระยาห์เวห์จอมทัพ
แผ่นดินนั้นก็ถูกเผา
และประชาชนก็เหมือนเชื้อเพลิง
ไม่มีใครไว้ชีวิตพี่น้องของตน
๒๐ เขาฉวยได้ด้านขวา แต่ยังหิวอยู่
เขากินด้านซ้ายแต่ก็ยังไม่อิ่ม
ต่างก็กินเนื้อจากผู้ที่เป็นเหมือนแขน๒ ของตนเอง
๒๑ มนัสเสห์กินเอฟราอิม เอฟราอิมกินมนัสเสห์
และทั้งคู่ก็ต่อสู้กับยูดาห์
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
๑ วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ออกกฎหมายอธรรม
และแก่พวกที่เขียนกฎมาบีบบังคับ
๒ เพื่อผลักไสคนขัดสนไปจากความยุติธรรม
และปล้นสิทธิของคนจนแห่งชนชาติของเรา๑
เพื่อให้หญิงม่ายกลายเป็นของริบของพวกเขา
และทำให้ลูกกำพร้าพ่อกลายเป็นเหยื่อ
๓ พวกท่านจะทำอย่างไรในวันลงโทษ?
และในวันทำลายล้างซึ่งมาจากที่ไกล?
ท่านทั้งหลายจะหนีไปพึ่งใคร?
และพวกท่านจะเก็บทรัพย์สมบัติของท่านไว้ที่ไหน?

3.5 ความบาปของอัสซีเรีย 10:5-34
(1) ความบาปของอัสซีเรีย 5-14
๔ ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะก้มตัวลงอยู่กับพวกนักโทษ
หรือล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่า
ถึงกระนั้นก็ดี พระพิโรธของพระองค์ก็ยังไม่ได้หันกลับ
และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดออกอยู่
๕ วิบัติแก่อัสซีเรีย ผู้เป็นตะบองแห่งความกริ้วของเรา
และไม้พลองในมือของพวกเขาเป็นความเกรี้ยวกราดของเรา
๖ เราใช้เขาไปสู้ประเทศชาติหนึ่งที่ทิ้งพระเจ้า
เราบัญชาเขาให้ไปสู้ชนชาติที่เรากริ้ว
ให้ไปเอาของริบและฉวยของปล้น
และให้เหยียบย่ำลงเหมือนเหยียบเลนบนถนน
๗ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น
และจิตใจของเขาก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น
เพราะในใจของเขาคิดแต่จะทำลาย
และทำลายประชาชาติไปไม่ใช่น้อย
๘ เพราะเขาพูดว่า
¡°พวกผู้บัญชาการของข้าล้วนเป็นกษัตริย์ไม่ใช่หรือ?
๙ เมืองคาลโนก็เหมือนเมืองคารเคมิชไม่ใช่หรือ?
เมืองฮามัทก็เหมือนเมืองอารปัดไม่ใช่หรือ?
เมืองสะมาเรียก็เหมือนเมืองดามัสกัสไม่ใช่หรือ?
๑๐ เหมือนอย่างที่มือของข้ายื่นไปถึงบรรดาราชอาณาจักรของรูปเคารพ
ซึ่งมีรูปเคารพแกะสลักใหญ่กว่าของเยรูซาเล็มและสะมาเรีย
๑๑ แล้วข้าจะไม่ทำกับเยรูซาเล็มและรูปเคารพของเขา
อย่างที่ข้าได้ทำกับสะมาเรียและรูปเคารพของเขาหรือ?¡±
๑๒ เมื่อองค์เจ้านายทำพระราชกิจทั้งหมดของพระองค์ที่ภูเขาศิโยนและที่เยรูซาเล็มเสร็จแล้ว พระองค์จะทรงลงโทษการโอ้อวด๒ จากใจจองหองของพระราชาของอัสซีเรีย และการยกตัวด้วยสายตายโสของเขา ๑๓ เพราะเขาว่า
¡°ข้าทำการนี้ด้วยกำลังมือของข้า
และด้วยสติปัญญาของข้า เพราะข้ามีความเข้าใจ
ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติทั้งหลาย
และได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา
ข้าเป็นเหมือนผู้ทรงพลังที่ได้ฉุดบรรดากษัตริย์ลงมา๓
๑๔ มือของข้าได้ฉวยทรัพย์สมบัติของชนชาติทั้งหลาย
เหมือนฉวยรังนก
และคนเก็บไข่นกที่ถูกทิ้งอย่างไร
ข้าก็รวบรวมแผ่นดินโลกทั้งหมดอย่างนั้น
ไม่มีใครขยับปีก[มาปกป้อง ]๔
หรืออ้าปากหรือร้องเสียงจ้อกแจ้ก¡±

(2) การลงโทษของอัสซีเรีย 15-19
๑๕ ขวานจะคุยข่มคนที่ใช้มันจามหรือ?
หรือเลื่อยจะทะนงตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยหรือ?
ราวกับว่าไม้ตะบองจะยกผู้ที่ถือมันได้?
หรือไม้พลองจะยกผู้ที่ไม่ใช่ท่อนไม้ได้?
๑๖ ฉะนั้น องค์เจ้านาย พระยาห์เวห์จอมทัพ
จะทรงให้โรคผอมแห้งมาในหมู่คนกำยำล่ำสันของเขา
และจะมีการเผาไหม้ลุกโชนขึ้นใต้ศักดิ์ศรีของเขา
เหมือนอย่างกับไฟไหม้
๑๗ ความสว่างแห่งอิสราเอลจะเป็นไฟ
และองค์บริสุทธิ์ของเขาจะเป็นเปลวเพลิง
แล้วไฟจะเผาและทำลาย
หนามใหญ่และหนามย่อยของเขาในวันเดียว
๑๘ พระองค์จะทรงทำลายศักดิ์ศรีของป่าและสวนผลไม้ของเขา
รวมทั้งจิตใจและร่างกาย
และจะเป็นเหมือนเมื่อคนป่วยซูบตายไป
๑๙ ต้นไม้ในป่าของเขาจะเหลือน้อยเต็มที
จนเด็กนับจำนวนได้๕

(3) ผู้ที่ยังมีเหลือของอิสราเอล 20-27
๒๐ ในวันนั้น คนอิสราเอลที่เหลืออยู่และคนรอดตายแห่งเชื้อสายของยาโคบ จะไม่พึ่งพิงผู้ตีเขาอีก แต่จะพึ่งพิงพระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลด้วยจริงใจ ๒๑ คนที่เหลืออยู่จะกลับมายังพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ คือคนที่เหลืออยู่ของยาโคบ ๒๒ อิสราเอลเอ๋ย เพราะแม้ว่าชนชาติของเจ้าจะเป็นดั่งทรายในทะเล คนที่เหลืออยู่เท่านั้นจะกลับมา การทำลายนั้นถูกกำหนดไว้แล้วด้วยความชอบธรรมอย่างล้นหลาม ๒๓ เพราะว่าพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงให้การทำลายอย่างหมดสิ้นเกิดขึ้นท่ามกลางแผ่นดินโลกทั้งหมด ตามที่กำหนดไว้
๒๔ ฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้ว่า ¡°ชนชาติของเราผู้อยู่ในศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวคนอัสซีเรียผู้ตีพวกเจ้าด้วยตะบองและยกไม้พลองของเขาขึ้นสู้เจ้าเหมือนอย่างเมื่ออยู่๖ ในอียิปต์ ๒๕ เพราะอีกไม่นานความกริ้วของเราจะสิ้นสุด และความโกรธของเราจะมุ่งสู่การทำลายพวกเขา¡±

(4) การเข้ามาของอัสซีเรีย 28-34
๒๖ และพระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงเหวี่ยงแส้มาสู้เขา เหมือนดังที่พระองค์ทรงโจมตีคนมีเดียน ณ ศิลาโอเรบ และไม้พลองของพระองค์ที่เคยอยู่เหนือทะเล พระองค์จะทรงยกขึ้นอย่างที่ทำในอียิปต์ ๒๗ และในวันนั้นภาระของเขาจะหลุดจากบ่าของท่านและแอกของเขาจากคอของท่าน และแอกก็ถูกทำลายเพราะความอ้วน๗
๒๘ เขามาถึงอัยยาทแล้ว
เขาผ่านมิโกรนไปแล้ว
เขาเก็บสัมภาระของเขาไว้ที่มิคมาช
๒๙ เขาทั้งหลายผ่านช่องหว่างเขามาแล้ว
เกบาเป็นที่พักค้างคืนของเรา
รามาห์สะทกสะท้าน
กิเบอาห์ของซาอูลหนีไปแล้ว
๓๐ ธิดาของกัลลิมเอ๋ย จงส่งเสียงร้องซี
ไลชาห์เอ๋ย ฟังซี
อานาโธท ช่างน่าอนาถ
๓๑ มัดเมนาห์กำลังวิ่งหนี
ชาวเมืองเกบิมรีบหลบภัย
๓๒ แต่ในวันนี้เองเขาจะหยุดอยู่ที่เมืองโนบ
เขาจะสั่นกำปั้นของเขา
เข้าใส่ภูเขาของธิดาศิโยน
เข้าใส่เนินเขาแห่งเยรูซาเล็ม
๓๓ ดูสิ องค์เจ้านาย คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
จะทรงตัดกิ่งไม้ด้วยกำลังอันน่าคร้ามกลัว
ต้นที่สูงยิ่งจะถูกโค่นลงมา
และต้นที่สูงจะต้องถูกทลายลง
๓๔ พระองค์จะทรงใช้ขวานโค่นป่าทึบ
และเลบานอนซึ่งมีต้นไม้สูงตระหง่านจะล้มลง

3.6 หน่อของเจสซี 11
(1) กษัตริย์ 1-9
๑ จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซี
และกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล
๒ และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่บนท่าน๑
คือพระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ
พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ
พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์
๓ ความชื่นชอบของท่านคือความยำเกรงพระยาห์เวห์
ท่านจะไม่พิพากษาตามสิ่งที่ตาท่านได้เห็น
หรือตัดสินตามสิ่งที่หูท่านได้ยิน
๔ แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม
และตัดสินให้กับคนต่ำต้อย๒ ของแผ่นดินด้วยความเที่ยงธรรม
ท่านจะตีแผ่นดินโลกด้วยตะบองจากปากของท่าน
และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมจากริมฝีปากท่าน
๕ ความชอบธรรมจะเป็นสายคาดเอวของท่าน
และความซื่อสัตย์จะเป็นผ้าคาดที่บั้นเอวของท่าน
๖ สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ
และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ
ลูกโคกับสิงโตหนุ่มจะหากิน๓ อยู่ด้วยกัน
และเด็กเล็กๆ จะนำพวกมันไป
๗ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน
ลูกๆ ของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน
และสิงโตจะกินฟางเหมือนวัวผู้
๘ และทารกที่กินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูของงูเห่า
และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง
๙ จะไม่มีการทำให้เจ็บปวดหรือการทำลาย
ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
เพราะว่าแผ่นดินโลกจะเต็มด้วยความรู้ในเรื่องของพระยาห์เวห์
เหมือนน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น

(2) ประชากร 10-16
๑๐ ในวันนั้น รากของเจสซี จะตั้งขึ้นเป็นสัญญาณแก่ชนชาติทั้งหลาย และท่านจะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์
๑๑ ในวันนั้น องค์เจ้านายจะยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะเอาคนที่เหลืออยู่ของชนชาติพระองค์กลับคืนมาจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ จากปัทโรส จากคูช จากเอลาม จากชินาร์ จากฮามัท และจากแผ่นดินชายทะเล
๑๒ พระองค์จะทรงชูธงสัญญาณขึ้นให้แก่ประชาชาติทั้งหลาย
และจะชุมนุมอิสราเอลที่พลัดพราก
และรวบรวมยูดาห์ที่กระจัดกระจาย
จากมุมทั้งสี่ของแผ่นดินโลก
๑๓ ความริษยาของเอฟราอิมจะจากไป
และพวกที่รังควานยูดาห์จะถูกตัดออกไป
เอฟราอิมจะไม่ริษยายูดาห์
และยูดาห์จะไม่รังควานเอฟราอิม
๑๔ แต่เขาทั้งหลายจะโฉบลงเหนือไหล่เขาของคนฟีลิสเตียทางตะวันตก
แล้วพวกเขาจะร่วมกันปล้นประชาชนทางตะวันออก
พวกเขาจะยื่นมือออกต่อสู้เอโดมและโมอับ
แล้วคนอัมโมนจะเชื่อฟังเขาทั้งหลาย
๑๕ และพระยาห์เวห์จะทรงทำลาย
อ่าว๔ แห่งทะเลของอียิปต์อย่างสิ้นเชิง
และจะโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำนั้น๕
ด้วยลมร้อนผ่าวของพระองค์
แล้วจะโจมตีมันให้กลายเป็นลำธารเจ็ดสาย
และคนสวมรองเท้าจะเดินข้ามไปได้
๑๖ จะมีทางหลวงจากอัสซีเรีย
สำหรับคนที่เหลืออยู่ของชนชาติพระองค์
เหมือนทางสำหรับอิสราเอล
เมื่อพวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์

3.7 การสรรเสริญของขอบพระคุณ 12
๑ ในวันนั้น ท่านจะกล่าวว่า ¡°ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ เพราะแม้ว่าพระองค์ทรงพระพิโรธต่อข้าพระองค์ ความกริ้วของพระองค์ก็หันกลับไปแล้ว และพระองค์ทรงปลอบโยนข้าพระองค์
๒ ¡°ดูสิ พระเจ้าเป็นความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว เพราะพระยาห์เวห์ คือพระยาห์เวห์เองทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า และพระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้าแล้ว¡± ๓ ท่านทั้งหลายจะตักน้ำจากบ่อน้ำ๑ แห่งความรอดด้วยความชื่นบาน ๔ และในวันนั้น พวกท่านจะกล่าวว่า ¡°จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์
จงร้องทูลออกพระนามของพระองค์ จงประกาศบรรดาพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
จงให้พวกเขารำลึกว่าพระนามของพระองค์เป็นที่เชิดชู ๕ ¡°จงร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงทำกิจอันดีเลิศ จงให้เรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปในแผ่นดินโลก ๖ ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและเปล่งเสียงด้วยความยินดี เพราะว่าองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลนั้นทรงยิ่งใหญ่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน¡±

B. การพิพากษาบรรดาประชาชาติ 13-27
1. การพิพากษาบรรดาประชาชาติ 13-23
1.1 การพิพากษาบาบิโลน 13:1-14:23
(1) การล่มสลายของบาบิโลน 13
๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับบาบิโลน ตามซึ่งอิสยาห์บุตรชายของอามอสได้เห็น ๒ จงชูธงสัญญาณ๒ ขึ้นบนภูเขาหัวโล้น
จงตะโกนเรียกเขาทั้งหลาย จงโบกมือให้เขาเข้าไป ในประตูเมืองของบรรดาเจ้านาย ๓ เราเองได้บัญชาพวกที่เราคัดเลือกไว้๓ และได้เรียกบรรดานักรบของเราด้วย คือผู้ยินดีต่อศักดิ์ศรีของเรา ให้จัดการตามความโกรธของเรา
๔ ฟังซิ เสียงอึกทึกบนภูเขา เหมือนเสียงมวลชนจำนวนมหาศาล ฟังซิ เสียงอึงคะนึงของอาณาจักรทั้งหลาย ของบรรดาประชาชาติที่รวมตัวเข้าด้วยกัน พระยาห์เวห์จอมทัพกำลังระดมพล เพื่อเข้าทำสงคราม ๕ เขาทั้งหลายมาจากดินแดนไกลโพ้น มาจากที่สุดขอบฟ้า พระยาห์เวห์และอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์ เพื่อจะทำลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้น ๖ จงร้องห่มร้องไห้ เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์มาใกล้แล้ว วันนั้นจะมาเหมือนอย่างการทำลายจากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ๗ เพราะฉะนั้น ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย และใจของทุกคนจะละลายไป ๘ และเขาทั้งหลายจะตกใจกลัว ความเจ็บและความปวดจะยึดกุมเขา เขาจะทุรนทุรายดั่งหญิงกำลังคลอดบุตร เขาจะมองตากันอย่างตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาเหมือนแสงไฟ ๙ นี่แน่ะ วันแห่งพระยาห์เวห์จะมา ดุร้ายด้วยความพิโรธและความโกรธเกรี้ยว เพื่อจะทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้างเปล่า และเพื่อจะทำลายคนบาปของมันเสียจากแผ่นดินนั้น ๑๐ เพราะดวงดาวทั้งหลายของฟ้าสวรรค์ และหมู่ดาวในนั้น จะไม่ทอแสงของมัน ดวงอาทิตย์จะมืดเวลามันขึ้น และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงของมัน ๑๑ เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย และลงโทษคนอธรรมเพราะความผิดบาปของพวกเขา
เราจะทำให้ความเย่อหยิ่งของคนจองหองสิ้นสุด และทำให้ความยโสของคนโหดร้ายลดต่ำลง ๑๒ เราจะทำให้การหาคนนั้นยากกว่าการหาทองคำนพคุณ และการหามนุษย์ยากกว่าการหาทองคำแห่งโอฟีร์ ๑๓ เพราะฉะนั้นเราจะทำให้ฟ้าสวรรค์สะท้าน และแผ่นดินโลกจะสั่นสะเทือนออกจากที่ของมัน โดยพระพิโรธของพระยาห์เวห์จอมทัพ
ในวันแห่งความโกรธเกรี้ยวของพระองค์ ๑๔ ดั่งละมั่งที่ถูกล่า หรือเหมือนแกะที่ไม่มีผู้รวมฝูง ทุกคนจะหันกลับไปหาชนชาติของตนเอง และคนทุกคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตนเอง ๑๕ ถ้าคนใดถูกพบก็จะถูกแทงจนทะลุ
และถ้าคนใดถูกจับก็จะล้มลงด้วยดาบ ๑๖ ทารกของพวกเขาจะถูกฟาดลงอย่างยับเยิน ต่อหน้าต่อตาเขา บ้านของเขาทั้งหลายจะถูกปล้น และภรรยาของเขาจะถูกข่มขืน ๑๗ นี่แน่ะ เรากำลังปลุกเร้าชาวมีเดียให้มาสู้เขา ผู้ซึ่งไม่สนใจเรื่องเงิน และไม่ไยดีเรื่องทองคำ ๑๘ คันธนูของพวกเขาจะสังหารชายหนุ่ม เขาจะไม่ปรานีต่อผลของครรภ์
นัยน์ตาของเขาทั้งหลายจะไม่สงสารเด็ก ๑๙ และบาบิโลนซึ่งเป็นความงดงามของบรรดาราชอาณาจักร
เมืองที่สง่าและเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวเคลเดีย จะเป็นเหมือนดังเมื่อพระเจ้าทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ ๒๐ จะไม่มีใครเข้าไปพำนัก หรือเข้าไปอาศัยตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ คนอาหรับจะไม่กางเต็นท์ของเขาที่นั่น
ผู้เลี้ยงแกะจะไม่ให้แกะของเขานอนลงที่นั่น ๒๑ แต่สัตว์ป่าจะนอนลงที่นั่น และบ้านเรือนในนั้นจะเต็มด้วยนกทึดทือ นกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่ที่นั่น พวกแพะจะเต้นรำอยู่ที่นั่น ๒๒ หมาจิ้งจอกจะเห่าหอนอยู่ในป้อมของเมืองนั้น และหมาป่าจะอยู่ในวังแสนสุข เวลาของเมืองนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว และวันของมันจะไม่ถูกยืดออกไป

(2) การฟื้นคืนมาของอิสราเอล 14:1-4a
๑ แต่พระยาห์เวห์จะทรงพระเมตตาต่อยาโคบและจะทรงเลือกอิสราเอลอีก ทั้งจะตั้งเขาทั้งหลายไว้ในแผ่นดินของเขา แล้วคนต่างด้าวจะมาสมทบกับเขาทั้งหลาย และจะผูกพันเข้ากับเชื้อสายของยาโคบ ๒ ชนชาติทั้งหลายจะรับพวกเขาและนำเขาทั้งหลายมายังที่ของเขา และเชื้อสายของอิสราเอลจะได้ชนชาติทั้งหลายเป็นกรรมสิทธิ์ โดยให้เป็นทาสและทาสีในแผ่นดินของพระยาห์เวห์ พวกที่เคยจับเขาทั้งหลายเป็นเชลยจะถูกพวกเขาจับเป็นเชลย และพวกเขาจะปกครองเหนือพวกที่เคยบีบบังคับเขา ๓ เมื่อพระยาห์เวห์ประทานให้เจ้าได้หยุดพักจากความเจ็บปวดและความวุ่นวายของเจ้า และจากงานหนักซึ่งเจ้าถูกบังคับให้ทำ ๔ เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวกับพระราชาของบาบิโลนว่า ¡°เออ ผู้บีบบังคับสงบไปอย่างไรหนอ ความเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยหนอ

(3) การล่มแล้วของ กษัตรติบาบิโลน 14b-23
๔ เจ้าจะยกคำเย้ยหยันนี้กล่าวกับพระราชาของบาบิโลนว่า ¡°เออ ผู้บีบบังคับสงบไปอย่างไรหนอ
ความเกรี้ยวกราดของเขาก็สงบไปด้วยหนอ ๕ พระยาห์เวห์ทรงหักไม้พลองของคนอธรรม
คทาของผู้ครอบครอง ๖ ซึ่งตีชนชาติทั้งหลายด้วยความพิโรธ ด้วยการตีอย่างไม่หยุดยั้ง
ซึ่งครอบครองประชาชาติด้วยความโกรธ ด้วยการข่มเหงอย่างไม่รามือ ๗ ทั่วทั้งโลกก็หยุดพักและสงบอยู่
เขาทั้งหลายโห่ร้องด้วยความยินดี ๘ ต้นสนสามใบก็เปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วย ต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอนกล่าวว่า
¡®ตั้งแต่เจ้าตกต่ำ ก็ไม่มีคนตัดไม้ขึ้นมาหาเรา¡¯ ๙ แดนคนตายเบื้องล่างก็ตื่นเต้น เพื่อต้อนรับเจ้าเมื่อเจ้ามา
มันปลุกให้พวกคนตายมารับเจ้า คือทุกคนที่เคยเป็นผู้นำของแผ่นดินโลก มันทำให้พวกที่เคยเป็นพระราชาของประชาชาติทั้งหลาย ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ของพวกเขา ๑๐ พวกเขาทุกคนจะพูด และกล่าวแก่เจ้าว่า
¡®เจ้ากลายเป็นคนอ่อนแอเหมือนเราด้วย เจ้าก็เป็นเหมือนอย่างเรา¡¯ ๑๑ ความโอ่อ่าของเจ้าถูกนำลงมาถึงแดนคนตาย
พร้อมกับเสียงพิณของเจ้า ตัวดักแด้จะเป็นที่นอนอยู่ใต้ตัวเจ้า และตัวหนอนจะเป็นผ้าห่มของเจ้า ๑๒ ¡°โอ เจ้าร่วงลงจากฟ้าสวรรค์อย่างไรหนอ เจ้าผู้ส่องแสง คือโอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าถูกเหวี่ยงลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ ๑๓ เจ้าเองรำพึงในใจของเจ้าว่า ¡®ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า
เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะนั่งบนขุนเขาแห่งการชุมนุม๑ ณ สุดปลายอุดร๒ อันไกลโพ้น ๑๔ ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะทำให้ตัวของข้าเองเหมือนองค์ผู้สูงสุด¡¯ ๑๕ แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังก้นบาดาล ๑๖ บรรดาผู้เห็นเจ้าจะจ้องมองเจ้า และจะคิดพิจารณาตัวเจ้าว่า ¡®ชายคนนี้หรือที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน?
ที่เขย่าอาณาจักรทั้งหลาย? ๑๗ ที่ทำให้โลกเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร และทำลายเมืองต่างๆ ในโลกเสีย? ผู้ไม่ยอมปล่อยให้เชลยของตนกลับบ้าน?¡¯ ๑๘ พระราชาทั้งหมดของบรรดาประชาชาตินอนอยู่อย่างมีเกียรติ ต่างก็อยู่ในอุโมงค์ของตน ๑๙ แต่เจ้าถูกเหวี่ยงออกไปจากหลุมศพของเจ้า เป็นเหมือนกิ่งไม้ถูกทิ้ง พวกถูกฆ่าจะเป็นเหมือนเสื้อที่คลุมเจ้าไว้ คือพวกถูกแทงด้วยดาบ ซึ่งลงไปยังศิลาของที่ลึก เป็นศพที่ถูกเหยียบย่ำ ๒๐ เจ้าจะไม่มีส่วนร่วมกับเขาในการฝังศพ เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของเจ้า เจ้าได้สังหารประชาชนของเจ้า ¡°ขออย่าให้มีใครเอ่ยถึง เชื้อสายของผู้ทำความชั่วตลอดไป ๒๑ จงเตรียมการสังหารลูกๆ ของเขา เพราะความชั่วของบิดาพวกเขา อย่าให้เขาทั้งหลายลุกขึ้นมาครอบครองโลก หรือทำให้พื้นพิภพเต็มด้วยเมืองต่างๆ¡±


1.2 การพิพากษาของอัสซีเรีย 14:24-27
๒๔ พระยาห์เวห์จอมทัพทรงปฏิญาณว่า ¡°เราวางแผนไว้อย่างไร ก็จะเป็นไปอย่างนั้น และเรามุ่งหมายไว้อย่างไร
ก็จะเกิดอย่างนั้น ๒๕ คือเราจะตีคนอัสซีเรียให้แตกในแผ่นดินของเรา และจะเหยียบย่ำเขาบนภูเขาของเรา แล้วแอกของเขาจะถูกยกออกไปจากเขาทั้งหลาย และภาระของเขาออกไปจากบ่าเขาทั้งหลาย¡± ๒๖ นี่คือแผนงานที่วางไว้ เกี่ยวกับแผ่นดินโลกทั้งสิ้น และนี่เป็นพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออก เหนือบรรดาประชาชาติทั้งหมด ๒๗ เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพทรงมุ่งหมายไว้ ใครเล่าจะลบล้างได้? พระหัตถ์ของพระองค์เหยียดออก และผู้ใดจะหันให้กลับมาได้?

1.3 การพิพากษาของฟีลิสเตีย 14:28-32
๒๘ ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นพระชนม์ ครุวาท๔ นี้มีมาว่า ๒๙ ¡°ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทั้งหมดอย่าได้เปรมปรีดิ์ไปเลย
ว่ากระบองซึ่งตีเจ้านั้นหักเสียแล้ว เพราะงูพิษจะออกมาจากรากเหง้าของงู และผลของมันจะเป็นงูแมวเซา ๓๐ ลูกหัวปีของคนยากจนจะมีอาหารกิน และคนขัดสนจะนอนลงอย่างปลอดภัย แต่เราจะให้รากเหง้าของเจ้าตายด้วยการกันดารอาหาร และคนเหลืออยู่ของเจ้าจะถูกฆ่า ๓๑ ประตูเมืองเอ๋ย จงคร่ำครวญ กรุงเอ๋ย จงร่ำไห้ ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทุกคนจงละลายไปเสีย เพราะควันออกมาจากทางเหนือ และไม่มีใครแตกออกจากแถวของตนเลย¡± ๓๒ จะตอบพวกทูตของประเทศนั้นว่าอย่างไร? ก็ว่า ¡°พระยาห์เวห์ได้ทรงสถาปนาศิโยนไว้ และบรรดาคนยากไร้ของชนชาติของพระองค์ จะพบที่ลี้ภัยในที่นั้น¡±

1.4 การพิพากษาของโมอับ 15-16
(1) การพิพากษาอย่างฉับพลัน 15
๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับโมอับ
เพราะเมืองอาร์ถูกทำลายในคืนเดียว
โมอับถูกทำให้ย่อยยับ
เพราะเมืองคีร์ถูกทำลายในคืนเดียว
โมอับถูกทำให้ย่อยยับ
๒ เมืองดีโบนขึ้นไปยังวิหาร
ไปยังปูชนียสถานสูงเพื่อร้องไห้
โมอับคร่ำครวญ
ถึงเมืองเนโบและเมืองเมเดบา
ศีรษะทุกศีรษะก็โล้น
และหนวดเคราของทุกคนล้วนถูกโกน
๓ พวกเขาคาดผ้ากระสอบ๒ อยู่ตามถนน
ทุกคนคร่ำครวญน้ำตานอง
ทั้งบนหลังคาบ้านและตามลานเมือง
๔ เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์ส่งเสียงร้อง
เสียงของพวกเขาได้ยินไปถึงเมืองยาฮาส
เพราะฉะนั้น ชายที่ถืออาวุธของโมอับจึงร้องเสียงดัง
ตัวของเขาก็สั่นเทา
๕ ใจของข้าพเจ้าร้องออกมาเพื่อโมอับ
ผู้ลี้ภัยโมอับหนีไปยังเมืองโศอาร์
ไปยังเมืองเอกลัทเชลีชิยาห์
เพราะตามทางที่ขึ้นไปเมืองลูฮีท
เขาขึ้นไปและร่ำไห้
ตามถนนสู่เมืองโฮโรนาอิม
เขาเปล่งเสียงร้องถึงการถูกทำลาย
๖ ธารน้ำที่นิมริม
ก็กลายเป็นที่ร้าง
หญ้าก็เหี่ยวแห้ง และหญ้าอ่อนก็ไม่งอก
พืชเขียวสดไม่มีอีกแล้ว
๗ เพราะฉะนั้น ความมั่งคั่งที่เขาได้มา
และที่เขาสะสมเอาไว้
พวกเขาขนเอามันไป
ข้ามลำธารต้นหลิว๓
๘ เพราะเสียงร่ำร้องกระจายไป
ทั่วทั้งแผ่นดินโมอับ
เสียงคร่ำครวญไปถึงเมืองเอกลาอิม
เสียงคร่ำครวญไปถึงเมืองเบเออร์เอลิม
๙ เพราะลำน้ำของเมืองดีโมนเต็มด้วยเลือด
ถึงกระนั้นเรายังจะเพิ่มภัยแก่ดีโมนอีก
คือให้สิงโตแก่คนโมอับที่หลบหนีไป
และแก่คนเหลืออยู่ในแผ่นดิน


(2) ความไม่ถ่อมใจ และ ถูกพีนาติของโมอับ 16
๑ จงส่งลูกแกะ ไปยังผู้ปกครองแผ่นดิน จากเมืองเส-ลาไปตามทางถิ่นทุรกันดาร ไปยังภูเขาของธิดาศิโยน
๒ เหมือนนกที่กำลังบินหนี อย่างลูกนกที่พลัดพรากจากรัง บรรดาธิดาแห่งโมอับก็เป็นอย่างนั้น ที่ตรงท่าข้ามของแม่น้ำอารโนน ๓ ช่วยให้คำแนะนำ และอำนวยความยุติธรรม๑ ทำร่มเงาของท่านเหมือนกลางคืน ณ เวลาเที่ยงวัน ช่วยซ่อนผู้ถูกขับไล่ และอย่าได้หักหลังผู้ลี้ภัย ๔ ให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับ๒ อาศัยอยู่กับท่าน ให้ที่หลบซ่อนแก่พวกเขาเพื่อให้พ้นจากผู้ทำลาย เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับแล้ว และการทำลายหยุดหมดแล้ว ผู้เหยียบย่ำหายไปจากแผ่นดินอย่างสิ้นเชิง ๕ แล้วพระที่นั่งจะได้รับการสถาปนาด้วยความรักมั่นคง และจะมีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้นด้วยความซื่อสัตย์ ในเต็นท์ของดาวิด คือผู้พิพากษาที่แสวงหาความยุติธรรม ที่ทำความชอบธรรมอย่างเร่งด่วน ๖ พวกข้าพเจ้าได้ยินถึงความเย่อหยิ่งของโมอับ โมอับนั้นช่างหยิ่งเหลือเกิน และยังได้ยินถึงความยโส ความเย่อหยิ่ง และความอวดดีของเขา การคุยโม้ของเขาก็เป็นความเท็จ ๗ เพราะฉะนั้น โมอับจะคร่ำครวญ ทุกคนจะคร่ำครวญเพื่อโมอับ พวกท่านจะครวญครางเพื่อขนมลูกเกดของเมืองคีร์หะเรเชท เพราะว่าท่านจะถูกทำลายจนหมดสิ้น
๘ เพราะทุ่งนาแห่งเมืองเฮชโบนเหี่ยวแห้ง ทั้งเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์ พวกเจ้านายของบรรดาประชาชาติ ได้หักกิ่งก้านทั้งหลายของมันลง กิ่งที่แผ่ไปถึงเมืองยาเซอร์ และหลงเจิ่นไปถึงถิ่นทุรกันดาร หน่อของมันแตกออกอย่างกว้างขวาง แล้วผ่านข้ามทะเลไป ๙ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ด้วยการร้องไห้ของเมืองยาเซอร์ เนื่องด้วยเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์ ข้าพเจ้าจะให้ท่านท่วมด้วยน้ำตาของข้าพเจ้านะ เมืองเฮชโบน และเมืองเอเลอาเลห์ เพราะเสียงโห่ร้องในผลไม้หน้าร้อนของท่าน และในการเก็บเกี่ยวของท่านได้สิ้นสุดลง ๑๐ ความชื่นบาน และความยินดีถูกเอาไป เอาไปจากสวนผลไม้ ไม่มีการร้องอย่างชื่นบานตามสวนองุ่น ไม่มีเสียงโห่ร้องยินดี ไม่มีคนย่ำให้เหล้าองุ่นออกในบ่อย่ำองุ่น เราได้ทำให้เสียงเฮย่ำองุ่นเงียบหายไป ๑๑ ฉะนั้น จิตของข้าพเจ้าร่ำไห้เหมือนเสียงพิณเพื่อโมอับ และใจของข้าพเจ้าร่ำไห้เพื่อเมืองคีร์เฮเรส ๑๒ และเมื่อโมอับเข้าเฝ้าและเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่ปูชนียสถานสูง และเขาเข้ามาอธิษฐานในสถานศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ๑๓ นี่เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับโมอับในอดีต ๑๔ แต่บัดนี้ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°ภายใน 3 ปีตามปีจ้างลูกจ้าง๓ ศักดิ์ศรีของโมอับจะถูกเหยียดหยาม แม้มวลชนทั้งหมดจะมีจำนวนมหาศาล แต่คนเหลืออยู่นั้นจะมีน้อยและอ่อนปวกเปียก

1.5 การพิพากษาของดามัสกัส และ อิสราเอล 17
(1) การพิพากษาของดามัสกัส 1-3
¡± ๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส นี่แน่ะ ดามัสกัสจะไม่เหลือเป็นเมือง และจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
๒ เมืองทั้งหลายของอาโรเออร์จะถูกทิ้งร้าง จะกลายเป็นที่สำหรับฝูงแพะแกะ ที่ซึ่งพวกมันจะนอนลงโดยไม่มีใครทำให้มันกลัว ๓ ป้อมปราการจะหายไปจากเอฟราอิม และราชอาณาจักรจะหายไปจากดามัสกัส และคนเหลืออยู่ของซีเรีย จะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของคนอิสราเอล พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ

(2) การพิพากษาของอิสราเอล 4-11
๔ และอยู่มาในวันนั้น
ศักดิ์ศรีของยาโคบจะตกต่ำ
และร่างกายที่อ้วนของเขาจะซูบผอมลง
๕ และจะเป็นเหมือนคนเกี่ยวข้าวที่รวบรวมต้นข้าวซึ่งตั้งอยู่
แขนของเขาจะเกี่ยวรวงข้าว
และจะเป็นเหมือนเมื่อคนเก็บรวงข้าว
ที่หุบเขาเรฟาอิม
๖ แต่การเก็บเกี่ยวที่เหลืออยู่ในนั้น
จะเป็นเหมือนการตีต้นมะกอก
ที่มีเพียงสองหรือสามลูก
ซึ่งเหลืออยู่บนยอดสูงสุด
หรือสี่ถึงห้าลูก
ซึ่งอยู่ตามกิ่งของต้นไม้
พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้แหละ
๗ ในวันนั้น คนจะเอาใจใส่ในพระผู้สร้างของตน และดวงตาของเขาจะมองดูองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล ๘ เขาจะไม่เอาใจใส่แท่นบูชา ซึ่งทำด้วย๒ มือของเขา และเขาจะไม่มองสิ่งที่นิ้วของเขาเองทำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเสาอาเช-ราห์ หรือที่เผาเครื่องหอม
๙ ในวันนั้นเมืองทั้งหลายที่แข็งแกร่งของเขา ซึ่งพวกเขาทิ้งให้ร้างเพราะคนอิสราเอล จะเป็นเหมือนที่ทิ้งร้างในป่าหรือในดงไม้๓ และจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า
๑๐ เพราะเจ้าได้หลงลืมพระเจ้าแห่งความรอดของเจ้า
และไม่ได้จดจำพระศิลาแห่งการลี้ภัยของเจ้า
ดังนั้นเจ้าปลูกต้นไม้แห่งความยินดี
และปักกิ่งองุ่นของคนต่างด้าวไว้
๑๑ แม้ว่าเจ้าทำให้มันงอกในวันที่เจ้าปลูกมัน
และทำให้มันออกดอกในเช้าของวันที่เจ้าหว่าน
ถึงกระนั้นผลการเก็บเกี่ยวก็จะหนีไป
ในวันแห่งความโศกเศร้าและความเจ็บปวดที่รักษาไม่ได้

(3) การล่มสลายของอัสซีเรีย 12-14
๑๒ เอ๊ะ เสียงอึกทึกของประชาชนมากมาย
ดังสนั่นเหมือนเสียงดังสนั่นของทะเล
เอ๊ะ เสียงดังกึกก้องของชนชาติทั้งหลาย
ดังกึกก้องเหมือนเสียงกึกก้องของน้ำที่มีพลังมหาศาล
๑๓ บรรดาชนชาติส่งเสียงกึกก้องเหมือนเสียงของน้ำเป็นอันมาก
แต่พระองค์จะทรงกำราบเขา และเขาจะหนีไปไกลๆ
ถูกไล่ไปเหมือนแกลบที่ต้องลมบนภูเขา
เหมือนฝุ่น๔ ที่ปลิวไปต่อหน้าพายุ
๑๔ ดูซิ พอเวลาเย็น ก็มีความสยดสยอง
ก่อนรุ่งเช้า เขาทั้งหลายก็ไม่มีแล้ว
นี่เป็นสภาพของพวกที่แย่งทรัพย์ของเรา
และเป็นส่วนของพวกที่ปล้นเรา

1.6 การพิพากษาของอีดีโอเปีย 18
๑ เอ๊ะ แผ่นดินแห่งปีกที่กระหึ่ม
ซึ่งอยู่เลยแม่น้ำแห่งคูช๑
๒ ซึ่งส่งทูตไปโดยทางทะเล๒
โดยเรือต้นกกบนน้ำ
จงไป พวกผู้สื่อสารที่รวดเร็วเอ๋ย
ไปยังประชาชาติหนึ่งที่คนมีร่างสูงและเกลี้ยงเกลา
ไปยังชนชาติที่คนทั้งใกล้และไกลต่างเกรงกลัว
ประชาชาติที่เข้มแข็ง๓ และกดขี่ผู้อื่น
ซึ่งแผ่นดินของเขาถูกแบ่งด้วยแม่น้ำ
๓ ท่านทุกคนผู้เป็นชาวพิภพ
ผู้อาศัยทั้งหลายบนแผ่นดินโลก
เมื่อมีธงสัญญาณยกขึ้นบนภูเขา พวกท่านจะมองเห็น
เมื่อมีการเป่าเขาสัตว์ ท่านจะได้ยิน๔
๔ เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
¡°เราจะมองจากที่อาศัยของเราอย่างเงียบๆ
เหมือนความร้อนที่ระอุกลางแสงแดด
เหมือนหมอกของน้ำค้างในความร้อนของฤดูเกี่ยว¡±
๕ เพราะก่อนถึงฤดูเกี่ยว เมื่อดอกไม้บานแล้ว
และดอกกลายเป็นผลองุ่นที่กำลังสุก
พระองค์จะทรงตัดกิ่งออกด้วยขอลิดแขนง
และจะทรงบั่นและฟันกิ่งก้านสาขาทิ้ง
๖ และเขาทั้งหลายจะถูกทิ้งไว้ด้วยกัน
ให้แก่เหยี่ยว๕ ที่ภูเขา
และแก่สัตว์ป่าบนแผ่นดิน
และเหยี่ยวจะกินเสียในฤดูร้อน
และสัตว์ป่าทั้งหมดบนแผ่นดินจะกินเสียในฤดูหนาว
๗ ในเวลานั้น ชนชาติที่มีคนรูปร่างสูงและเกลี้ยงเกลาจะนำของมาถวายแด่พระยาห์เวห์จอมทัพ คือชนชาติที่คนทั้งใกล้และไกลต่างเกรงกลัว อันเป็นประชาชาติที่เข้มแข็งและคอยกดขี่ ซึ่งแผ่นดินของเขาถูกแบ่งด้วยแม่น้ำ และพวกเขาจะมายังสถานที่แห่งพระนามของพระยาห์เวห์จอมทัพคือที่ภูเขาศิโยน

1.7 การพิพากษาของอียิปต์ 19-20
(1) การพิพากษาของอียิปต์ 19:1-17
๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับอียิปต์
ดูสิ พระยาห์เวห์ทรงเมฆอันรวดเร็ว
และเสด็จมายังอียิปต์
รูปเคารพของอียิปต์จะสั่นระริกเฉพาะพระพักตร์พระองค์
และใจของคนอียิปต์จะละลายไปภายในตัวเขา
๒ เราจะเร้าให้คนอียิปต์ต่อสู้กับคนอียิปต์
แต่ละคนสู้กับพี่น้องของตน
และแต่ละคนสู้กับเพื่อนบ้านของตน
เมืองสู้กับเมือง อาณาจักรสู้กับอาณาจักร
๓ และใจของคนอียิปต์จะหดหู่อย่างยิ่ง๒ ในตัวเขา
และเราจะทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง
พวกเขาจะปรึกษารูปเคารพและผู้ติดต่อกับวิญญาณคนตาย
รวมทั้งคนทรง และหมอผี
๔ และเราจะมอบคนอียิปต์ไว้
ในมือของเจ้านายโหดเหี้ยม
และพระราชาดุร้ายองค์หนึ่งจะปกครองเหนือพวกเขา
พระยาห์เวห์จอมทัพผู้เป็นองค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
๕ และน้ำจะแห้งไปจากทะเล๓
แม่น้ำไนล์จะแล้งน้ำและแห้งผาก
๖ และคลองทั้งหลายจะเน่าเหม็น
แควต่างๆ ของอียิปต์จะงวดและแห้งไป
ต้นอ้อและกอปรือจะเหี่ยวแห้ง
๗ พวกต้นกก๔ ที่แม่น้ำไนล์
ที่ปากแม่น้ำไนล์
และทุกสิ่งซึ่งหว่านลงข้างแม่น้ำนั้นจะแห้งไป
จะถูกขจัดออกและไม่เหลืออีกเลย
๘ ชาวประมงจะร้องไห้
และทุกคนที่ตกเบ็ด๕ ในแม่น้ำไนล์จะคร่ำครวญ
และพวกทอดแหในน้ำจะอ่อนใจ
๙ คนทำป่านซึ่งหวีแล้วจะหมดหวัง
ทั้งคนทอผ้าฝ้ายขาวด้วย๖
๑๐ บรรดาคนทอผ้า๗ ต่างปวดร้าวใจ
และพวกทำงานรับจ้างจะเศร้าใจ
๑๑ พวกเจ้านายของเมืองโศอันโง่บัดซบทีเดียว
ที่ปรึกษาอันฉลาดของฟาโรห์ให้คำปรึกษาอย่างโง่เขลา
พวกเจ้าจะพูดกับฟาโรห์ได้อย่างไรว่า
¡°ข้าพระบาทเป็นบุตรของนักปราชญ์
เป็นเชื้อสายของกษัตริย์โบราณ?¡±
๑๒ พวกนักปราชญ์ของเจ้าอยู่ที่ไหน?
ขอให้เขาบอกเจ้า และให้พวกเขาแจ้งให้ทราบซิ
ว่าพระยาห์เวห์จอมทัพมีพระประสงค์ต่ออียิปต์อย่างไร
๑๓ เจ้านายของเมืองโศอันกลายเป็นคนโง่
และเจ้านายของเมืองเมมฟิสถูกหลอกแล้ว
บรรดาผู้ใหญ่ในเผ่าต่างๆ ของอียิปต์
ได้นำอียิปต์ให้หลงทางไป
๑๔ พระยาห์เวห์ทรงปนวิญญาณจิตแห่งการบิดเบือน
ลงไปในอียิปต์
และพวกเขาทำให้อียิปต์โซเซในการกระทำทุกอย่าง
เหมือนคนเมาโซเซอยู่บนสิ่งที่เขาอาเจียน
๑๕ ไม่มีอะไรที่คนจะทำเพื่อช่วยอียิปต์ได้
ไม่ว่าจะเป็นหัวหรือหาง ใบตาลหรือต้นอ้อเล็ก
๑๖ ในวันนั้น คนอียิปต์จะเป็นเหมือนผู้หญิง ซึ่งตัวสั่นและหวาดกลัวต่อหน้าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์จอมทัพ ซึ่งจะทรงกวัดแกว่งต่อสู้เขา ๑๗ และแผ่นดินยูดาห์จะเป็นที่หวาดหวั่นของคนอียิปต์ ชื่อนี้ถูกเอ่ยขึ้นกับใคร เขาก็จะหวาดกลัวกันทุกคน เพราะพระประสงค์ของพระยาห์เวห์จอมทัพที่ทรงประสงค์จะต่อสู้เขาทั้งหลาย


(2) การกลับสู่สภาพเดิมของอียิปต์ 19:18-25
๑๘ ในวันนั้น จะมี 5 เมืองในแผ่นดินอียิปต์ที่พูดภาษาของคานาอัน และสาบานต่อพระยาห์เวห์จอมทัพ ส่วนเมืองหนึ่งจะถูกเรียกว่าเมืองดวงอาทิตย์๘ ๑๙ ในวันนั้น จะมีแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์แท่นหนึ่งในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์ และมีเสาอนุสรณ์แด่พระยาห์เวห์ที่พรมแดน ๒๐ ซึ่งจะเป็นหมายสำคัญและเป็นสักขีพยานให้พระยาห์เวห์จอมทัพในแผ่นดินอียิปต์ เมื่อเขาทั้งหลายร้องทูลต่อพระยาห์เวห์เนื่องด้วยผู้กดขี่พวกเขา พระองค์จะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ปกป้องคนหนึ่งมาให้เขา และผู้นั้นจะช่วยกู้เขาทั้งหลาย ๒๑ แล้วพระยาห์เวห์จะทรงให้พระองค์เป็นที่รู้จักของคนอียิปต์ และในวันนั้นคนอียิปต์จะรู้จักพระยาห์เวห์ ทั้งจะนมัสการด้วยเครื่องบูชาและธัญบูชา และเขาทั้งหลายจะบนบานและแก้บนต่อพระยาห์เวห์ ๒๒ พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีอียิปต์ แต่เมื่อโจมตีแล้วก็จะรักษา และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาพวกเขา ๒๓ ในวันนั้น จะมีทางหลวงจากอียิปต์ถึงอัสซีเรีย และคนอัสซีเรียจะมายังอียิปต์ และคนอียิปต์ไปยังอัสซีเรีย แล้วคนอียิปต์และคนอัสซีเรียจะนมัสการด้วยกัน ๒๔ ในวันนั้น อิสราเอลจะเป็นที่สามร่วมกับอียิปต์และอัสซีเรีย ซึ่งเป็นพรท่ามกลางแผ่นดินโลก ๒๕ และเป็นพวกที่พระยาห์เวห์จอมทัพทรงอวยพรว่า ¡°อียิปต์ชนชาติของเรา อัสซีเรียผลงานแห่งมือของเรา และอิสราเอลมรดกของเรา จงรับพรเถิด¡±

(3) ห้าม ของอียิปต์ และ อีดีโอเปีย 20
๑ ในปีที่ผู้บัญชาการใหญ่ซึ่งถูกส่งมาจากซาร์กอนพระราชาของอัสซีเรียได้มาถึงเมืองอัชโดดและต่อสู้จนยึดเมืองนั้นได้ ๒ ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ตรัสโดยอิสยาห์บุตรอามอสว่า ¡°จงไปและแก้ผ้ากระสอบ๑ ออกจากบั้นเอวของเจ้า และถอดรองเท้าออกจากเท้าของเจ้า¡± แล้วท่านก็ทำตาม คือเดินเปลือยกายและเท้าเปล่า ๓ และพระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราเดินเปลือยกายและเท้าเปล่าเป็นเวลา 3 ปี เป็นสัญญาณและหมายสำคัญแก่อียิปต์และแก่คูช ๔ ดังนั้นพระราชาของอัสซีเรียจะจับคนอียิปต์ไปและจะกวาดต้อนคนคูชเป็นเชลย ทั้งหนุ่มสาวและคนแก่ ไปแบบเปลือยกายและเท้าเปล่าทั้งเปิดก้น ยังความอับอายแก่อียิปต์ ๕ แล้วเขาทั้งหลายจะท้อแท้และอับอายเนื่องด้วยคูชซึ่งเป็นความหวังของเขา และเนื่องด้วยอียิปต์ซึ่งเป็นความโอ้อวดของพวกเขา ๖ และชาวแผ่นดินชายทะเลนี้จะกล่าวในวันนั้นว่า ¡®ดูสิ นี่แหละคือผู้ซึ่งเราหวังไว้ และผู้ซึ่งเราหนีไปขอการช่วยกู้ให้พ้นจากพระราชาของอัสซีเรีย และเราคือเราเองจะหนีให้พ้นได้อย่างไร?¡¯ ¡±

1.8 การพิพากษาบาบิโลน(2) 21:1-10
๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับถิ่นทุรกันดารของทะเล
เหมือนพายุหมุนที่พัดพุ่งไปในเนเกบ
มันมาจากถิ่นทุรกันดาร
มาจากแผ่นดินที่น่ากลัว
๒ เขาบอกนิมิตที่หนักหน่วงแก่ข้าพเจ้า
ว่าคนทรยศก็ได้ทรยศ
คนทำลายก็เข้าทำลาย
เอลามเอ๋ย จงบุกขึ้นไป
มีเดียเอ๋ย จงเข้าล้อม
เสียงถอนใจทั้งหมดของเธอ
เราได้ทำให้สิ้นสุดแล้ว
๓ เพราะฉะนั้น บั้นเอวของข้าพเจ้าจึงเต็มด้วยความทุกข์
ความเจ็บปวดเกาะกุมข้าพเจ้าไว้
เหมือนความเจ็บปวดของหญิงที่กำลังคลอดลูก
ข้าพเจ้าหนักใจจนไม่อาจจะฟัง
ข้าพเจ้าท้อใจจนไม่อาจมองดู
๔ ใจของข้าพเจ้าฟุ้งซ่านไป ความหวาดกลัวท่วมท้นข้าพเจ้า
แสงโพล้เพล้ซึ่งข้าพเจ้าหวัง
กลับทำให้ข้าพเจ้าสั่นกลัว
๕ เขาเตรียมการเลี้ยงไว้
เขาปูพื้น
เขากิน เขาดื่ม
เจ้านายทั้งหลายเอ๋ย จงลุกขึ้น
ชโลมโล่ไว้ด้วยน้ำมัน
๖ เพราะองค์เจ้านายตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
¡°จงไป และตั้งยามไว้
ให้เขาไปป่าวประกาศสิ่งที่เขาเห็น
๗ เมื่อเขาเห็นคนขี่ม้า คือพลม้าเป็นคู่ๆ
หรือคนขี่ลา คนขี่อูฐ
ให้เขาฟังด้วยความตั้งใจ
ด้วยความตั้งใจจริงๆ ¡±
๘ แล้วผู้มองเห็น๒ ร้องว่า
¡°เจ้านาย ข้าพเจ้ายืนอยู่บนหอคอย
อย่างต่อเนื่องตลอดเวลากลางวัน
และประจำอยู่ที่ตำแหน่งของข้าพเจ้า
ทุกๆ ค่ำคืน
๙ และ นี่แน่ะ มีคนขี่ม้ามา
คือพลม้าเป็นคู่ๆ
และเขาตอบว่า
¡®บาบิโลนล่มแล้ว ล่มแล้ว
พวกรูปเคารพทั้งหมดแห่งพระของเขา
แตกหักเป็นชิ้นๆ ลงบนพื้นดิน¡¯ ¡±
๑๐ ท่านผู้ถูกนวดและผู้ถูกฝัดร่อนของข้าเอ๋ย
สิ่งที่ข้าได้ยินจากพระยาห์เวห์จอมทัพ
พระเจ้าแห่งอิสราเอล ข้าก็บอกกับพวกท่าน ๑๒ คนยามตอบว่า
¡°เช้ามาถึง กลางคืนก็มาด้วย ถ้าจะถาม ก็ถามเถิด จงกลับมาอีก¡±

1.10 การพิพากษาอาระเบีย 21:13-17
๑๓ ครุวาทเกี่ยวกับอาระเบีย๔ โอ กองคาราวานของคนเดดานเอ๋ย เจ้าจะพักอยู่ในป่าแห่งอาระเบีย ๑๔ ชาวแผ่นดินเทมาเอ๋ย จงเอาน้ำมาให้คนกระหาย เอาขนมปังมาต้อนรับผู้ลี้ภัย ๑๕ เพราะเขาได้หลบหนีจากดาบ จากดาบที่ชักออก จากธนูที่โก่งอยู่ และจากสงครามที่ร้ายแรง ๑๖ เพราะองค์เจ้านายตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า ¡°ศักดิ์ศรีทั้งหมดของคนเคดาร์จะสิ้นสุดภายในปีเดียวตามปีจ้างลูกจ้าง๕ ๑๗ และจำนวนนักธนูที่เหลืออยู่ของนักรบของคนเคดาร์จะมีน้อย¡± เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้ตรัสแล้ว
1.9 การพิพากษาเอโดม 21:11-12
๑๑ ครุวาท๓ เกี่ยวกับดูมาห์ มีคนหนึ่งร้องถามข้าพเจ้าจากเสอีร์ ว่า ¡°คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไรแล้ว?
คนยามเอ๋ย ดึกเท่าไรแล้ว?¡±

1.11 การพิพากษากรุงเยรูซาเล็ม 22
(1) การพิพากษากรุงเยรูซาเล็ม 1-14
๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับหุบเขาแห่งนิมิต
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ที่ท่านทุกคนขึ้นไปบนหลังคาบ้าน
๒ ที่ในเมืองเต็มด้วยเสียงดัง
ที่ในนครเต็มด้วยความอึกทึกและรื่นเริง?
พวกถูกฆ่าของท่านไม่ได้ถูกฆ่าด้วยดาบ
หรือตายในสงคราม
๓ ผู้ปกครองทั้งหมดของท่านหนีไปด้วยกัน
พวกเขาถูกจับได้โดยไม่ต้องใช้คันธนู
ท่านทุกคนที่ถูกค้นเจอก็ถูกจับด้วยกัน
แม้ว่าเขาได้หนีไปไกล๒
๔ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงว่า
¡°อย่ามองข้าพเจ้า
ให้ข้าพเจ้าร้องไห้อย่างขมขื่น
อย่าอุตส่าห์ปลอบโยนข้าพเจ้า
เนื่องด้วยการทำลายชนชาติของข้าพเจ้าเลย¡±
๕ เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงมีวันหนึ่ง
เป็นวันแห่งการโกลาหล การเหยียบย่ำ และความยุ่งเหยิง
ในหุบเขาแห่งนิมิต
กำแพงจะถูกทำลาย
และเสียงร้องให้ช่วยจะไปถึงภูเขา
๖ เอลามหยิบแล่งธนู
พร้อมกับคนขับรถรบและพลม้า
และคีร์ก็ถือ๓ โล่ไว้
๗ หุบเขาดีที่สุดของท่านเต็มด้วยรถรบ
และพลม้าก็ยืนประจำที่ตรงประตูเมือง
๘ พระองค์ได้ทรงนำการปกป้อง๔ ยูดาห์ไปเสียแล้ว
ในวันนั้น ท่านมองหาศาสตราวุธในพระตำหนักพนา ๙ และพวกท่านก็เห็นช่องโหว่มากมายในนครดาวิด๕ แล้วท่านก็กักเก็บน้ำในสระล่าง ๑๐ พวกท่านนับจำนวนบ้านของเยรูซาเล็ม แล้วก็รื้อบ้านมาเสริมกำแพงเมือง ๑๑ ท่านทำที่เก็บน้ำไว้ระหว่างกำแพงสองด้านเพื่อใช้ในสระเก่า แต่ท่านทั้งหลายไม่ได้มุ่งมองไปยังพระองค์ผู้ทรงบันดาลเหตุ และไม่ได้มองดูผู้ทรงวางแผนงานนี้ไว้นานแล้ว
๑๒ และในวันนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ
ทรงเรียกให้ร่ำไห้และคร่ำครวญ
ทั้งทำให้ศีรษะโล้นและสวมผ้ากระสอบ๖
๑๓ แต่ ดูซิ กลับมีความรื่นเริงและยินดี
มีการฆ่าวัวและฆ่าแกะ
ทั้งกินเนื้อและดื่มเหล้าองุ่น
¡°ให้เรากินและดื่มเถิด
เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะตาย¡±
๑๔ พระยาห์เวห์จอมทัพทรงเปิดเผยในหูของข้าพเจ้าว่า
¡°จะไม่มีการลบล้างบาปนี้ให้พวกเจ้าอย่างแน่นอนจนกว่าพวกเจ้าจะตาย¡±
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้



(2) ความบาปของเซบนา 15-25
๑๕ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้ว่า ¡°ไปเถิด ไปหาเจ้าพนักงานคนนี้ คือไปยังเชบนา ผู้ดูแลราชสำนัก และ[จงพูดกับเขาว่า ]๗ ๑๖ ¡®เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่นี่? ใครให้อำนาจเจ้าที่นี่? เจ้าจึงสกัดอุโมงค์ให้ตัวเจ้าเองที่นี่?¡¯ เขาสกัดอุโมงค์ในที่สูง เจาะที่หยุดพักให้เขาเองในศิลา¡± ๑๗ นี่แน่ะ ท่านผู้มีพลังอำนาจ พระยาห์เวห์จะทรงเหวี่ยงท่านออกไปอย่างแรง พระองค์จะจับท่านไว้แน่น ๑๘ แล้วหมุนตัวท่านไปโดยรอบ และขว้างท่านเหมือนลูกบอลออกไปยังดินแดนที่กว้างใหญ่ ท่านจะตายที่นั่น และรถรบโอ่อ่าของท่านอยู่ที่นั่น ก็เป็นความอับอายแก่เรือนเจ้านายของท่าน ๑๙ ¡°เราจะไล่เจ้าออกจากหน้าที่ของเจ้า และเจ้าจะถูกดึง๘ ลงมาจากตำแหน่งของเจ้า ๒๐ และในวันนั้น เราจะเรียกผู้รับใช้ของเรา คือเอลียาคิม บุตรชายฮิลคียาห์ ๒๑ เราจะเอาเสื้อยศของเจ้ามาสวมให้เขา และจะเอาสายคาดเอวของเจ้าคาดเขาไว้ แล้วจะมอบอำนาจของเจ้าไว้ในมือของเขา เขาจะเป็นเหมือนบิดาของชาวกรุงเยรูซาเล็ม และของเชื้อวงศ์ยูดาห์ ๒๒ และเราจะวางลูกกุญแจแห่งวังของดาวิดไว้บนบ่าของเขา เมื่อเขาเปิดแล้วก็จะไม่มีใครปิดได้ และเมื่อเขาปิดแล้วก็จะไม่มีใครเปิดได้ ๒๓ และเราจะตอกเขาเหมือนหมุดไว้ในที่ที่มั่นคง และเขาจะเป็นเหมือนที่นั่งทรงเกียรติแห่งสกุล๙ ของเขา ๒๔ และพวกเขาจะแขวนน้ำหนัก๑๐ ทั้งหมดแห่งเชื้อวงศ์บิดาของเขาไว้บนตัวเขา ทั้งของลูกหลานและบรรดาผู้สืบเชื้อสาย ภาชนะเล็กๆ ทุกชิ้น ตั้งแต่ถ้วยไปจนถึงเหยือกทุกอัน¡± ๒๕ พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ¡°ในวันนั้นหมุดซึ่งตอกอยู่ในที่ที่มั่นคงจะหลุด มันจะถูกโค่นและล้มลงมา และภาระหนักที่อยู่บนนั้นจะถูกตัดออก¡± เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้แล้ว

1.12 การพิพากษาของไซปรัส 23
(1) การพิพากษาของไซปรัส 1-14
๑ ครุวาท๑ เกี่ยวกับไทระ
จงคร่ำครวญเถิด เรือทั้งหลายของเมืองทารชิช
เพราะเมืองนั้นถูกทำลาย จนไม่เหลือบ้านหรือทางเข้า๒ เลย
พวกเขาได้รับการเปิดเผย
เมื่อมาจากแผ่นดินไซปรัส
๒ จงอยู่นิ่งๆ เถิด ผู้ที่อยู่ตามฝั่งทะเล
โอ พ่อค้าแห่งเมืองไซดอน
ซึ่งผู้ผ่านข้ามทะเลไป ทำให้เจ้าบริบูรณ์๓
๓ และเขาข้ามน้ำมากหลาย
รายได้ของเมืองนั้นคือข้าวจากชิโหร์๔
และผลเกี่ยวเก็บจากแม่น้ำไนล์
เมืองนั้นเป็นแหล่งค้าขายของประชาชาติทั้งหลาย
๔ จงอับอายเถิด ไซดอนเอ๋ย เพราะทะเลได้พูดแล้ว
ปราการของทะเลพูดว่า
¡°ข้าไม่เคยเจ็บครรภ์และไม่เคยคลอดลูก
ข้าไม่เคยเลี้ยงลูกชาย
และไม่เคยฟูมฟักลูกสาว¡±
๕ เมื่อข่าวคราวมาถึงอียิปต์
พวกเขาจะระทมใจด้วยข่าวของเมืองไทระ
๖ จงข้ามไปยังทารชิช
จงคร่ำครวญเถิด ผู้อยู่ตามฝั่งทะเลเอ๋ย
๗ นี่คือเมืองรื่นเริงของเจ้าทั้งหลายหรือ?
เมืองที่สร้างมาแต่โบราณหรือ?
และเท้าของมันได้พาไป
อาศัยในแดนไกล
๘ ใครวางแผนการนี้
ไว้ต่อสู้เมืองไทระซึ่งเป็นผู้แจกมงกุฎ
ซึ่งพวกพ่อค้าของมันเป็นเจ้านาย
และนักธุรกิจเป็นคนมีเกียรติของโลก?
๙ พระยาห์เวห์จอมทัพทรงวางแผนไว้
เพื่อขจัดความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งหมด
และเพื่อลบหลู่ผู้มีเกียรติทุกคนในแผ่นดินโลก
๑๐ จงให้น้ำท่วมแผ่นดินของท่านเหมือนแม่น้ำไนล์๕
โอ ธิดาแห่งทารชิชเอ๋ย
ไม่มีการจำกัดอีกแล้ว๖
๑๑ พระองค์เหยียดพระหัตถ์ของพระองค์เหนือทะเล
พระองค์ทรงทำให้อาณาจักรทั้งหลายสั่นสะเทือน
พระยาห์เวห์ทรงบัญชาเกี่ยวกับคานาอัน
ให้ทำลายป้อมปราการของมันเสีย
๑๒ และพระองค์ตรัสว่า ¡°โอ ธิดาพรหมจารีผู้ถูกบีบบังคับแห่งไซดอนเอ๋ย เจ้าจะไม่เริงร่าอีกต่อไป จงลุกขึ้นข้ามไปยังไซปรัส แม้ที่นั่นเจ้าก็จะไม่มีความสงบด้วย¡± ๑๓ จงดูแผ่นดินของคนเคลเดีย ชนชาตินี้ไม่มีแล้ว อัสซีเรียทำให้มันเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า๗ พวกเขาก่อเชิงเทินของเขาขึ้น และเขาทำลายวังทั้งหลายของมันลง เขาทำให้มันเป็นที่ปรักหักพัง ๑๔ จงคร่ำครวญเถิด เรือทั้งหลายของทารชิช เพราะว่าปราการของท่านถูกทำลายแล้ว


(2) การกลับสู่สภาพเดิมของไซปรัส 15-16
๑๕ ในเวลานั้น เมืองไทระจะถูกลืม 70 ปี เท่าๆ กับอายุของพระราชาองค์หนึ่ง พอสิ้น 70 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นกับไทระจะเป็นเหมือนเพลงของหญิงโสเภณีที่ว่า ๑๖ ¡°โอ หญิงงามเมืองที่ถูกลืมเอ๋ย จงหยิบพิณ เดินไปทั่วเมือง จงบรรเลงอย่างไพเราะ ร้องเพลงหลายๆ บท เพื่อคนจะระลึกถึงเจ้าได้อีก¡± ๑๗ เมื่อสิ้น 70 ปี พระยาห์เวห์จะทรงเยี่ยมเยียนเมืองไทระ และเมืองนั้นจะกลับไปหากินอีก และจะค้าขาย๘ กับทุกอาณาจักรของโลกบนพื้นแผ่นดิน ๑๘ กำไรของมันและที่หากินมาได้ของมันจะเป็นของถวายแด่พระยาห์เวห์ จะไม่สะสมหรือเก็บเอาไว้ เพราะกำไรของมันจะทำให้พวกที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์มีอาหารอุดมและมีเสื้อผ้างดงาม


2. วาระแห่งการพิพากษาของพระเจ้า และ เอาชนะ 24-27
2.1 วาระแห่งการพิพากษา 24
๑ นี่แน่ะ พระยาห์เวห์จะทรงทำให้โลกร้างเปล่า ทั้งทำให้เป็นที่รกร้าง
พระองค์จะทรงบิดพื้นโลกและทำให้ผู้อาศัยของโลกกระจายไป
๒ และจะเกิดกับปุโรหิตแบบดียวกับประชาชน
เกิดกับเจ้านายแบบเดียวกับทาส
เกิดกับนายหญิงแบบเดียวกับสาวใช้
เกิดกับผู้ขายแบบเดียวกับผู้ซื้อ
เกิดกับผู้กู้ยืมแบบเดียวกับผู้ให้ยืม
เกิดกับลูกหนี้แบบเดียวกับเจ้าหนี้
๓ โลกจะร้างเปล่าและถูกปล้นอย่างสิ้นเชิง
เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสพระวจนะนี้แล้ว
๔ โลกจะคร่ำครวญและเหี่ยวเฉาไป
พิภพก็โรยราและเหี่ยวเฉาไป
คนสูงศักดิ์ของโลกก็โรยรา
๕ โลกเป็นมลทิน
เนื่องด้วยผู้อาศัยของมัน
เพราะเขาทั้งหลายละเมิดธรรมบัญญัติ
ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์
และหักทำลายพันธสัญญานิรันดร์นั้น
๖ เพราะฉะนั้น คำสาปแช่งกลืนกินโลก
และผู้อาศัยในนั้นก็แบกรับความผิด
เพราะฉะนั้น ผู้อาศัยของโลกจึงถูกเผาผลาญ
และคนเหลืออยู่มีน้อย
๗ เหล้าองุ่นใหม่ก็เหือดแห้ง
เถาองุ่นก็โรยรา
ผู้ที่ใจร่าเริงทุกคนก็ถอนใจ
๘ เสียงสนุกสนานของรำมะนาก็เงียบ
เสียงเฮฮาของผู้เบิกบานใจก็หยุด
เสียงสนุกสนานของพิณเขาคู่ก็เงียบ
๙ พวกเขาไม่ดื่มเหล้าองุ่นพร้อมกับร้องเพลงอีก
เมรัยก็เป็นของขมแก่ผู้ดื่ม
๑๐ เมืองวุ่นวายนั้นแตกเสียแล้ว
บ้านทุกหลังก็ปิดไม่ให้คนเข้า
๑๑ มีเสียงเรียกร้องเรื่องเหล้าองุ่นตามถนน
ความยินดีทั้งหมดก็จางหาย๑
ความสนุกสนานของโลกก็สาบสูญ
๑๒ เหลือเพียงความร้างเปล่าอยู่ในเมือง
ประตูเมืองก็ถูกทุบทำลาย
๑๓ เพราะว่าจะเป็นเช่นนี้ท่ามกลางโลก
และท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
เหมือนกับการเขย่าต้นมะกอก
เหมือนกับการเก็บเล็มภายหลังการเก็บพวงองุ่นแล้ว
๑๔ พวกเขาเปล่งเสียงของเขาขึ้น เขาร้องด้วยความยินดี
เขาโห่ร้องถึงความโอ่อ่าของพระยาห์เวห์จากตะวันตก
๑๕ เพราะฉะนั้น จงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์จากตะวันออก
แด่พระนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลจากแผ่นดินชายทะเล
๑๖ เราได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญจากที่สุดปลายของโลก
ว่าศักดิ์ศรีจงมีแด่องค์ผู้ชอบธรรม
แต่ข้าพเจ้าว่า ¡°ข้าพเจ้าร่วงโรยไป
ข้าพเจ้าร่วงโรยไป วิบัติแก่ข้าพเจ้า
คนทรยศนั้นก็ทรยศ
คนทรยศนั้นทรยศอย่างยิ่ง¡±
๑๗ โอ ชาวแผ่นดินโลกเอ๋ย
ความสยดสยองและหลุมพราง ทั้งกับดักก็มาถึงท่าน
๑๘ ผู้ใดหนีจากเสียงของความสยดสยอง
จะตกลงไปในหลุมพราง
และผู้ใดปีนออกมาจากหลุมพราง
ก็จะถูกจับด้วยกับดัก
เพราะว่าหน้าต่างของท้องฟ้าก็ถูกเปิด
และรากฐานของโลกก็สั่นไหว
๑๙ โลกแตกสลายอย่างสิ้นเชิงแล้ว
โลกแยกออกเป็นเสี่ยง
โลกสั่นไหวอย่างรุนแรง
๒๐ โลกก็โซเซไปเหมือนคนเมา
มันแกว่งไปมาเหมือนเพิง
การละเมิดของโลกกดหนักอยู่บนโลก
มันล้มลง แล้วจะลุกไม่ขึ้นอีก
๒๑ ต่อมาในวันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษบริวารของท้องฟ้า บนท้องฟ้า
และลงโทษบรรดากษัตริย์ของแผ่นดิน บนแผ่นดิน
๒๒ พวกเขาจะถูกรวบรวมไว้รวมกัน
คล้ายนักโทษในคุกใต้ดิน๒
เขาทั้งหลายจะถูกขังไว้ในคุก
และอีกหลายวันก็จะถูกลงโทษ
๒๓ แล้วดวงจันทร์จะอดสู
และดวงอาทิตย์จะอับอาย
เพราะว่าพระยาห์เวห์จอมทัพจะครองราชย์
บนภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็ม
และต่อหน้าพวกผู้อาวุโสของพระองค์ด้วยพระสิริ


2.2 การสรรเสริญพระเจ้าแห่งความรอด 25-26
(1) การสร้างอาณาจักรของพระเจ้า 25
๑ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ได้ทรงทำการอัศจรรย์
ตามแผนงานอันซื่อสัตย์และแน่นอนที่มีไว้นานแล้ว
๒ เพราะพระองค์ทรงทำให้เมืองกลายเป็นกองขยะ
ทำให้เมืองมีป้อมเป็นที่ปรักหักพัง
วังของคนต่างด้าวไม่เป็นเมืองอีกต่อไป
และจะไม่สร้างขึ้นใหม่อีกเลย
๓ เพราะฉะนั้น ประชาชนที่แข็งแรงจะถวายพระเกียรติแด่พระองค์
เมืองของบรรดาประชาชาติที่ทารุณจะเกรงกลัวพระองค์
๔ เพราะพระองค์ทรงเป็นที่คุ้มภัยสำหรับคนยากจน
เป็นที่คุ้มภัยสำหรับคนขัดสนเมื่อเขาทุกข์ใจ
เป็นที่กำบังจากพายุและเป็นร่มกันความร้อน
เพราะการทำร้าย๑ ของคนทารุณก็เหมือนพายุซัดกำแพง
๕ เหมือนความร้อนในที่แห้งแล้ง
พระองค์ทรงระงับเสียงของคนต่างด้าว
ร่มเมฆระงับความร้อนอย่างไร
เสียงเพลงของผู้ทารุณก็เงียบไปอย่างนั้น
๖ บนภูเขานี้ พระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงจัดเลี้ยงชนทุกชาติ
คืองานเลี้ยงด้วยของอ้วนพี และด้วยเหล้าองุ่นที่ตกตะกอนแล้ว
ด้วยของอ้วนพีมีไขกระดูก และด้วยเหล้าองุ่นตกตะกอนที่กรองแล้ว
๗ และบนภูเขานี้ พระองค์จะทรงทำลาย
ผ้าที่คลุมอยู่บนชนชาติทั้งหมด
และผ้าคลุมหน้าที่คลุมประชาชาติทั้งหมด
๘ พระองค์จะทรงกลืนความตายเสียเป็นนิตย์
แล้วพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายจะทรงเช็ดน้ำตาจากทุกใบหน้า
และจะทรงเอาการลบหลู่แห่งชนชาติของพระองค์ไปจากทั้งแผ่นดินโลก
เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว
๙ และในวันนั้น เขาจะกล่าวกันว่า
¡°ดูสิ นี่คือพระเจ้าของเรา เรารอคอยพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด
นี่คือพระยาห์เวห์ เรารอคอยพระองค์
ให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดจากพระองค์¡±
๑๐ เพราะพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์จะคุ้มครอง๒ เหนือภูเขานี้
ส่วนโมอับจะถูกเหยียบลงในที่ของเขา
เหมือนการเหยียบฟางลงในหลุมมูลสัตว์
๑๑ และถึงเขาจะกางมือของเขาออกท่ามกลางหลุมนั้น
เหมือนคนว่ายน้ำกางมือของเขาออกว่ายน้ำ
ความหยิ่งของเขาจะถูกลดต่ำลงพร้อมกับมือที่เจ้าเล่ห์
๑๒ กำแพงสูงที่เป็นปราการของท่านจะถูกทำให้ต่ำลง
ถูกลดต่ำลงถึงพื้นดินแม้กระทั่งถึงผงคลี


(2) ความรอดของยูดา 26
๑ ในวันนั้น เขาจะร้องเพลงนี้ในแผ่นดินยูดาห์
¡°เรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง
พระองค์ทรงตั้งความรอดไว้
เป็นกำแพงและแนวป้องกัน
๒ จงเปิดประตูเมือง
เพื่อประชาชาติชอบธรรมซึ่งรักษาความเชื่อ๑ ไว้
จะได้เข้ามา
๓ พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์
เพราะเขาวางใจในพระองค์
๔ จงวางใจในพระยาห์เวห์เป็นนิตย์
เพราะยาห์๒ คือพระยาห์เวห์
ทรงเป็นศิลานิรันดร์
๕ เพราะพระองค์ทรงทำให้
ชาวเมืองที่อยู่สูงนั้นต่ำลง
เมืองที่สูงยิ่งนั้นพระองค์ทรงทำให้ลดต่ำลง
พระองค์ทรงทำให้มันลดต่ำลงถึงพื้นดิน
ทรงทำให้มันแตะผงคลีดิน
๖ เท้าจะเหยียบย่ำมัน
คือเท้าของคนยากจน
ย่างก้าวของคนขัดสน¡±
๗ หนทางของคนชอบธรรมก็ราบเรียบ
องค์ผู้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
๘ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกข้าพระองค์รอคอยพระองค์
ในแนวทางการพิพากษาของพระองค์
พระนามของพระองค์และการรำลึกถึงพระองค์นั้น
เป็นสิ่งที่จิตใจของข้าพระองค์ปรารถนา
๙ จิตใจของข้าพระองค์ปรารถนาพระองค์ในกลางคืน
วิญญาณจิตภายในข้าพระองค์แสวงหาพระองค์อย่างกระตือรือร้น
เพราะเมื่อการพิพากษา๓ ของพระองค์อยู่ในแผ่นดินโลก
ชาวพิภพก็ได้เรียนรู้ความชอบธรรม
๑๐ ถ้าทรงสำแดงพระกรุณาคุณแก่คนอธรรม
เขาก็ไม่เรียนรู้ความชอบธรรม
เขาประพฤติชั่วในแผ่นดินเที่ยงธรรม
และไม่เห็นความสง่าสูงส่งของพระยาห์เวห์
๑๑ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระหัตถ์ของพระองค์ชูขึ้น
แต่พวกเขาก็มองไม่เห็น
ขอให้เขาเห็นความร้อนพระทัยเพื่อชนชาติของพระองค์ และได้รับความอับอาย
ขอให้ไฟเผาผลาญปฏิปักษ์ของพระองค์
๑๒ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงทำให้เกิดสวัสดิภาพแก่พวกข้าพระองค์
เพราะทุกสิ่งที่พวกข้าพระองค์ทำนั้น พระองค์ทรงทำเพื่อข้าพระองค์
๑๓ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์
พวกเจ้านายอื่นนอกเหนือพระองค์ได้ครอบครองพวกข้าพระองค์
แต่ข้าพระองค์รับรู้แต่พระนามของพระองค์เท่านั้น
๑๔ พวกเขาตายแล้ว และจะไม่เป็นขึ้นมาอีก
คนตายจะไม่ลุกขึ้นมาอีก
เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงลงโทษและทรงทำลายเขา
และทรงกวาดอนุสรณ์ทั้งหมดของเขาไปเสีย
๑๕ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเพิ่มประเทศชาติขึ้น
พระองค์ทรงเพิ่มประชาชนขึ้น พระองค์ทรงได้รับพระเกียรติ
พระองค์ทรงขยายเขตแดนทั้งสิ้นของแผ่นดินให้กว้างใหญ่
๑๖ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ในยามทุกข์ใจ พวกเขาแสวงหาพระองค์
เขาทั้งหลายหลั่งคำอธิษฐานออกมา
เมื่อพระองค์ทรงตีสอนพวกเขา
๑๗ ดั่งหญิงมีครรภ์
นางบิดตัวและร้องด้วยความเจ็บปวด
เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกข้าพระองค์ก็เป็นเช่นนั้นเฉพาะพระพักตร์พระองค์
๑๘ พวกข้าพระองค์มีครรภ์ พวกข้าพระองค์บิดตัว
แต่ดูเหมือนพวกข้าพระองค์จะคลอดแต่ลม
พวกข้าพระองค์ไม่อาจช่วยกู้แผ่นดินโลก
และไม่อาจให้กำเนิดชาวพิภพ
๑๙ คนตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก ศพของพวกเขา๔ จะลุกขึ้น
โอ ผู้อาศัยในผงคลี จงตื่นขึ้น และโห่ร้องด้วยความชื่นบาน
เพราะน้ำค้างของพระองค์เป็นน้ำค้างแห่งความสว่าง
และแผ่นดินโลกจะให้คนตายเป็นขึ้น๕
๒๐ มาเถิด ชนชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้าในห้องของท่าน
และปิดประตูเสีย
จงซ่อนตัวอยู่สักพักหนึ่ง
จนกว่าพระพิโรธจะผ่านไป
๒๑ เพราะ ดูเถิด พระยาห์เวห์กำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์
เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลก เพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลาย
และแผ่นดินโลกจะเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมัน
และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก

2.3 ประชากรของพระเจ้า 27
(1) สวนองุ่นของพระเจ้า 1-6
๑ ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษเลวีอาธานคือพญานาคที่หนีอยู่นั้นด้วยดาบแข็งแกร่ง ใหญ่โต และทรงพลังของพระองค์ เลวีอาธานคือพญานาคที่ขดตัว และพระองค์จะทรงสังหารมังกรที่อยู่ในทะเล
๒ ในวันนั้น
สวนองุ่นแสนสุข จงร้องเพลงถึงสวนนั้น
๓ เราคือยาห์เวห์ เป็นผู้ดูแลสวนนั้น
เรารดน้ำทุกเวลา
เกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะทำอันตรายสวนนั้น
เราจึงดูแลสวนนั้นทั้งกลางคืนกลางวัน
๔ เราไม่มีความโกรธอีกแล้ว
เราอยากให้มีหนามใหญ่หนามย่อยมาสู้รบกับเรา
เราจะได้ก้าวออกไปหามัน
เราจะเผามันเสียด้วยกัน
๕ มิฉะนั้นให้มันยอมอยู่ใต้การปกป้องของเรา
ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา
ให้มันสร้างสันติภาพกับเรา
๖ ในอนาคต ยาโคบจะหยั่งราก
อิสราเอลจะแตกหน่อและเบ่งบาน
แล้วทำให้พื้นพิภพเต็มด้วยผล


(2) การลงโทษประชากรของพระเจ้า 7-11
๗ พระองค์จะทรงฟาดอิสราเอลเหมือนอย่างฟาดผู้ฟาดเธอหรือ?
อิสราเอลจะถูกฆ่าเหมือนอย่างผู้ฆ่าเธอนั้นถูกฆ่าหรือ?
๘ พระองค์จะทรงต่อสู้กับอิสราเอลด้วยการขับไล่๑ ด้วยการกวาดไปเป็นเชลย
พระองค์ทรงกวาดอิสราเอลไปด้วยลมน่ากลัวของพระองค์ในวันที่มีลมตะวันออก
๙ เพราะฉะนั้น บาปของยาโคบจะได้รับการลบล้างด้วยการนี้
และนี่จะเป็นผลลัพธ์เต็มขนาดในการขจัดบาปของเขา
คือเมื่อเขาทำให้ศิลาทั้งหมดของแท่นบูชา
เป็นเหมือนหินปูนถูกทุบเป็นชิ้นๆ
ไม่มีเสาอาเช-ราห์หรือแท่นเครื่องหอมตั้งอยู่อีก
๑๐ เพราะเมืองมีป้อมจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ที่อาศัยจะถูกทิ้งร้างและถูกละทิ้งเหมือนถิ่นทุรกันดาร
ลูกวัวหากินอยู่ที่นั่น
มันนอนอยู่ที่นั่นและแทะกิ่งไม้
๑๑ เมื่อกิ่งของมันแห้ง ก็ถูกหัก
พวกผู้หญิงมาถึงและเอามันไปก่อไฟ
เพราะนี่เป็นชนชาติไร้ความเข้าใจ
เพราะฉะนั้น ผู้ทรงสร้างเขาจะไม่สงสารเขา
ผู้ทรงปั้นเขาจะไม่สำแดงพระกรุณาต่อเขา

(3) การเข้าสู่สภาพเดิมของประชากรของพระเจ้า 12-13
๑๒ ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงนวดข้าวตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติส ไปจนถึงลำธารอียิปต์ ประชาชนอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะถูกรวบรวมเข้ามาทีละคน ๑๓ และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ แล้วพวกที่กำลังพินาศที่อยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และพวกถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์จะมานมัสการพระยาห์เวห์ บนภูเขาบริสุทธิ์ที่กรุงเยรูซาเล็ม


C. เพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งวิบัติ และพระพร 28-35
1. วิบัติของซามาเรีย และ เยรูซาเล็ม 28
1.1 วิบัติของซามาเรีย 1-6
๑ วิบัติแก่มงกุฎยโสของพวกขี้เมาแห่งเอฟราอิม
และแก่ดอกไม้งดงามและสง่าของเขาที่กำลังร่วงโรย
ที่อยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอุดม ซึ่งล้มคว่ำด้วยเหล้าองุ่น
๒ นี่แน่ะ องค์เจ้านายทรงมีผู้หนึ่งซึ่งมีกำลังและแข็งแรง
เหมือนพายุลูกเห็บ เหมือนลมพายุแห่งการทำลาย
เหมือนพายุฝนเชี่ยวกรากที่ไหลบ่า
ซึ่งจะเหวี่ยงให้ลงกับดินด้วยมือของเขา๑
๓ มงกุฎยโสของพวกขี้เมาแห่งเอฟราอิม
จะถูกเหยียบไว้ใต้เท้า
๔ และดอกไม้งดงามและสง่าของเขาที่กำลังร่วงโรย
ที่อยู่บนยอดเขาในที่ลุ่มอุดม
จะเป็นเหมือนมะเดื่อแรกสุกก่อนฤดูร้อน
ที่คนเห็นเข้าก็กินเสีย
ทันทีที่ผลมาถึงมือของเขา
๕ ในวันนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพ จะเป็นมงกุฎงดงาม
และจะเป็นมกุฎ๒ สง่าแก่คนที่เหลืออยู่แห่งชนชาติของพระองค์
๖ ทั้งจะเป็นความสำนึกใน๓ ความยุติธรรมแก่ผู้ที่นั่งพิพากษา
และเป็นกำลังแก่คนเหล่านั้นซึ่งชนะสงครามที่๔ ประตูเมือง

1.2 วิบัติของเยรูซาเล็ม 7-22
๗ เขาเหล่านี้ซวนเซไปด้วยเหล้าองุ่นเช่นกัน
และโซเซไปด้วยเมรัย
ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะก็ซวนเซไปด้วยเมรัย
เขาทั้งหลายมึนตื้อไปด้วยเหล้าองุ่น
เขาโซเซไปด้วยเมรัย
พวกเขาเห็นนิมิตผิดไป๕
เขาสะดุดในการตัดสินความ
๘ เพราะโต๊ะอาหารทุกโต๊ะล้วนเต็มด้วยสิ่งที่อาเจียนออกมา
ไม่มีมุมไหนสะอาดเลย
๙ เขาจะสอนความรู้ให้กับใคร?
เขาจะอธิบายเนื้อความกับผู้ใด?
ให้กับพวกเพิ่งหย่านม?
หรือทารกเพิ่งผละจากอกแม่?
๑๐ เพราะเป็นเหมือนเสียงพึมพำที่ฟังไม่รู้เรื่อง
เป็นเหมือนเสียงพร่ำบ่นที่ฟังไม่เข้าใจ
มีแต่เสียงพร่ำบ่น เสียงพึมพำ๖
๑๑ แท้จริง โดยริมฝีปากของคนต่างภาษา และด้วยลิ้นของคนต่างด้าว
พระองค์จะตรัสกับชนชาตินี้
๑๒ คือกับพวกที่พระองค์ตรัสว่า
¡°นี่คือการหยุดพัก
จงให้การหยุดพักแก่คนเหน็ดเหนื่อย
และนี่คือการพักผ่อน¡±
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ฟัง
๑๓ ดังนั้น พระวจนะของพระยาห์เวห์จึงเป็นเช่นนี้ต่อเขา
¡°คือเป็นเหมือนเสียงพึมพำที่ฟังไม่รู้เรื่อง
เป็นเหมือนเสียงพร่ำบ่นที่ฟังไม่เข้าใจ
มีแต่เสียงพร่ำบ่น เสียงพึมพำ¡±๗
เพื่อว่าพวกเขาจะไปและสะดุดลื่นล้มไปข้างหลัง
จะแตกหัก และติดบ่วง แล้วถูกจับไป
๑๔ เพราะฉะนั้น ท่านพวกคนชอบเยาะเย้ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
คือพวกผู้ปกครองชนชาตินี้ในกรุงเยรูซาเล็ม
๑๕ เพราะพวกท่านกล่าวว่า ¡°เราได้ทำพันธสัญญากับความตายแล้ว
และเราได้ทำข้อตกลงกับแดนคนตาย
เมื่อภัยพิบัติ๘ ไหลบ่าลงมา
มันจะไม่มาถึงเรา
เพราะเราทำให้ความเท็จเป็นที่หลบภัยของเรา
และเราถูกกำบังไว้ด้วยการโกหก¡±
๑๖ เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
¡°นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งในศิโยน
คือศิลาที่ทดสอบแล้ว
เป็นศิลามุมเอกล้ำค่า เป็นรากฐานมั่นคง
¡®เขาผู้นั้นที่วางใจจะไม่เร่งร้อน¡¯๙
๑๗ และเราจะตั้งความยุติธรรมเป็นเชือกวัด
และความชอบธรรมเป็นลูกดิ่ง
แล้วลูกเห็บจะกวาดความเท็จอันเป็นที่หลบภัยไปเสีย
และน้ำจะไหลบ่าล้นที่กำบัง¡±
๑๘ แล้วพันธสัญญาของพวกท่านกับความตายจะเป็นโมฆะ
และข้อตกลงของท่านกับแดนคนตายจะไม่ดำรงอยู่
เมื่อภัยพิบัติ๑๐ ไหลบ่าลงมา
พวกท่านจะถูกมันเหยียบย่ำ
๑๙ มันไหลผ่านไปบ่อยเพียงไร มันก็จะพาตัวท่านไปบ่อยเพียงนั้น
เพราะมันจะไหลผ่านไปเช้าแล้วเช้าเล่า
ทั้งกลางวันและกลางคืน
และจะมีแต่ความสยดสยองเมื่อเข้าใจเรื่องราว
๒๐ เพราะที่นอนนั้นสั้นเกินกว่าจะเหยียดตัวบนนั้น
และผ้าห่มก็เล็ก๑๑ เกินกว่าจะคลุมตัว
๒๑ เพราะพระยาห์เวห์จะทรงลุกขึ้นเหมือนที่ภูเขาเปริซิม
พระองค์จะกริ้วเหมือนที่หุบเขากิเบโอน
เพื่อทำพระราชกิจของพระองค์ อันเป็นพระราชกิจที่แปลก
และเพื่อทำงานของพระองค์ อันเป็นงานที่ประหลาด
๒๒ ดังนั้น อย่าเป็นคนชอบเยาะเย้ย
มิฉะนั้นโซ่ตรวนของท่านจะแน่นยิ่งขึ้น
เพราะข้าพเจ้าได้ยินจากพระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ
เรื่องกฤษฎีกาทำลายล้างอย่างสิ้นเชิงทั้งแผ่นดิน

1.3 คำอุปมาของเกษตรกร 23-29
๒๓ จงเงี่ยหู แล้วฟังเสียงข้าพเจ้า
จงใส่ใจ แล้วฟังคำข้าพเจ้า
๒๔ คนไถนาเพื่อหว่าน จะไถตลอดไปหรือ?
เขาเบิกหน้าดินและคราดดินตลอดไปหรือ?
๒๕ เมื่อเขาปราบผิวดินแล้ว
จะไม่หว่านต้นเทียนแดงและยี่หร่าหรือ?
เขาไม่ปลูกข้าวสาลีเป็นแถว๑๒
และปลูกข้าวบาร์เลย์ในที่ของมัน
ทั้งปลูกข้าวสเปลต์ไว้ตามขอบหรือ?
๒๖ เพราะพระองค์ทรงสอนเขาอย่างถูกต้อง
พระเจ้าของเขาทรงสั่งสอนเขา
๒๗ เพราะไม่มีใครนวดเทียนแดงด้วยเลื่อนนวดข้าว
หรือใช้ล้อเกวียนกลิ้งทับยี่หร่า
แต่เขาเอาไม้พลองตีเทียนแดงให้หลุดออก
และใช้ไม้ตะบองทุบยี่หร่า
๒๘ ขนมปังได้จากการบดข้าว
จึงไม่มีใครนวดข้าวไปตลอด
เขาขับล้อเกวียนเทียมม้าทับมัน
แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันแตกละเอียด
๒๙ เรื่องนี้ก็มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพด้วย
พระองค์ทรงอัศจรรย์นักในการให้คำปรึกษา
และวิเศษในเรื่องสติปัญญา


2. วิบัติของยูดาห์ 29-31
2.1 วิบัติอารีเอล 29
(1) วิบัติอารีเอล 1-8
๑ วิบัติแก่เจ้า อารีเอล๑ อารีเอลเอ๋ย
นครที่ดาวิดเคยล้อมไว้๒
จงเพิ่มปีเข้ากับปี
จงให้มีเทศกาลตามรอบของมัน
๒ แต่เรายังจะให้อารีเอลทุกข์ใจ
จะมีการคร่ำครวญและร้องทุกข์
และนครนี้จะเป็นเหมือนอารีเอล๓ แก่เรา
๓ และเราจะตั้งค่ายเหมือนวงล้อมรอบๆ เจ้า
เราจะปิดล้อมเจ้าด้วยหอรบ
และเราจะตั้งป้อมขึ้นสู้เจ้า
๔ แล้วเจ้าจะตกต่ำ และพูดจากแผ่นดินโลก๔
คำพูดของเจ้าที่มาจากผงคลีจะเหมือนเสียงพึมพำ
เสียงของเจ้าที่มาจากพื้นดินจะเหมือนเสียงผี
และคำพูดของเจ้าจะเป็นเสียงกระซิบ
๕ แต่มวลศัตรูของเจ้าจะเหมือนผงฝุ่นละเอียด
และมวลชนที่น่ากลัวจะเหมือนแกลบกระจายไป
เพียงชั่วประเดี๋ยวและในทันทีทันใด
๖ พระยาห์เวห์จอมทัพจะเยี่ยมเยียนเจ้า
ด้วยฟ้าร้อง ด้วยแผ่นดินไหว และด้วยเสียงดังสนั่น
ทั้งพายุหมุน ลมพายุ และเปลวเพลิงที่เผาผลาญ
๗ และมวลประชาชาติทั้งหมดที่ต่อสู้กับอารีเอล
ทั้งหมดที่ต่อสู้กับเธอและกับที่กำบังเข้มแข็งของเธอ ทั้งทำให้เธอทุกข์ใจ
จะเป็นเหมือนความฝันหรือนิมิตในเวลากลางคืน
๘ เหมือนคนหิวฝันว่าเขากำลังกินอยู่
และเมื่อตื่นขึ้นเขายังหิวอยู่
หรือเหมือนคนกระหายฝันว่าเขากำลังดื่มอยู่
แล้วเมื่อตื่นขึ้นมาก็อ่อนเปลี้ย และคอยังแห้งอยู่
และจะเป็นเช่นนั้นกับมวลประชาชาติทั้งหมด
ที่มาต่อสู้กับภูเขาศิโยน

(2) ความด้านชาฝ่ายจิตวิญญาณ 9-14
๙ จงอยู่ในสภาพงงงวยและตกตะลึง
จงทำตัวเองให้มืดบอดและเป็นคนตาบอด
เขาทั้งหลายเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
เขาโซเซ แต่ไม่ใช่ด้วยเมรัย
๑๐ เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเทจิตใจแห่งการหลับสนิท
ลงเหนือเจ้าทั้งหลาย
และทรงปิดตาเจ้าคือบรรดาผู้เผยพระวจนะ
และคลุมศีรษะเจ้าคือบรรดาผู้ทำนายของเจ้า
๑๑ และนิมิตทั้งหมดนี้กลายเป็นเหมือนถ้อยคำในหนังสือม้วนที่ปิดตราไว้ต่อพวกเจ้า เมื่อเขาให้แก่คนที่อ่านออกและกล่าวว่า ¡°โปรดอ่านเล่มนี้¡± เขากล่าวว่า ¡°ข้าอ่านไม่ได้เพราะมีตราปิดไว้¡± ๑๒ และเมื่อเขาให้หนังสือแก่คนที่อ่านไม่ออกและกล่าวว่า ¡°โปรดอ่านเล่มนี้¡± เขากล่าวว่า ¡°ข้าไม่รู้หนังสือ¡±
๑๓ และองค์เจ้านายตรัสว่า
¡°เพราะชนชาตินี้เข้ามาใกล้ด้วยปากของเขา
และให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของเขา
แต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา
เขานมัสการ๕ เราเหมือนเป็นระเบียบ๖ ของมนุษย์ที่จำกันมา
๑๔ เพราะฉะนั้น ดูสิ เราจะทำ
สิ่งมหัศจรรย์กับชนชาตินี้อีก
คือทั้งประหลาดและอัศจรรย์
ปัญญาของคนมีปัญญาของเขาจะพินาศไป
และความเข้าใจของคนที่เข้าใจจะถูกปิดบังไว้¡±

(3) ความหายนะของซ่อนแผนงาน 15-16
๑๕ วิบัติแก่ผู้ซ่อนแผนงานของเขาไว้ลึกๆ จากพระยาห์เวห์
ซึ่งการกระทำของเขาอยู่ในความมืด
พวกเขากล่าวว่า ¡°ใครจะเห็นเรา? ใครจะรู้เรื่องของเรา?¡±
๑๖ เจ้าทำกลับตาลปัตรเสีย
จะถือว่าช่างปั้นเท่ากับดินเหนียวหรือ?
และสิ่งถูกสร้างจะพูดถึงผู้สร้างมันว่า
¡°เขาไม่ได้สร้างข้า¡±
หรือสิ่งถูกปั้นจะพูดถึงผู้ปั้นมันว่า
¡°เขาไม่มีความเข้าใจ¡± อย่างนี้หรือ?

(4) การแก้ขายคำสัญญา 17-24
๑๗ อีกพักเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
ที่เลบานอนจะกลับกลายเป็นสวนผลไม้
และสวนผลไม้จะถือว่าเป็นป่า
๑๘ และในวันนั้น บรรดาคนหูหนวกจะได้ยิน
ถ้อยคำของหนังสือม้วน
และตาของคนตาบอดจะมองเห็น
จากความเลือนรางและความมืด
๑๙ คนใจถ่อมจะเพิ่มพูนความชื่นบานในพระยาห์เวห์
และคนยากจนท่ามกลางมนุษย์จะยินดีในองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
๒๐ เพราะคนโหดร้ายจะสูญสิ้น
และคนชอบเยาะเย้ยจะหมดไป
และทุกคนที่หาโอกาสทำชั่วจะถูกขจัด
๒๑ คือผู้ใส่ความคนอื่นด้วยถ้อยคำของเขา
และวางกับดักไว้ดักผู้ตัดสินความที่ประตูเมือง
ทั้งไม่ให้ความยุติธรรมแก่ฝ่ายถูกด้วยเรื่องไร้แก่นสาร
๒๒ เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ผู้ทรงไถ่อับราฮัม ตรัสดังนี้เกี่ยวกับเชื้อสายของยาโคบว่า
¡°ยาโคบจะไม่อับอายอีก
และหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป
๒๓ เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของเขา
ซึ่งเป็นผลงานของมือเราในท่ามกลางเขา
เขาทั้งหลายจะถือว่านามของเราศักดิ์สิทธิ์
เขาทั้งหลายจะถือว่าองค์บริสุทธิ์ของยาโคบศักดิ์สิทธิ์
และจะเกรงกลัวพระเจ้าของอิสราเอล
๒๔ และพวกผิดเพี้ยนทางความคิด๗ จะมาถึงความเข้าใจ
และพวกชอบบ่นจะยอมรับการสั่งสอน¡±

2.2 ความหายนะของซ่อนแผนงานกับอียิปต์ 30-31
(1) ความหายนะของซ่อนแผนงานกับอียิปต์ 30:1-17
๑ ¡°วิบัติแก่ลูกหลานที่กบฏ¡± พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
¡°ผู้วางแผนงาน แต่ไม่ใช่ของเรา
ผู้ทำสนธิสัญญา แต่ไม่ใช่ตามความประสงค์๑ ของเรา
เพื่อเพิ่มบาปซ้อนบาป
๒ พวกเดินทางไปยังอียิปต์
โดยไม่ได้ปรึกษาเรา
เพื่อจะไปลี้ภัยในการคุ้มครองของฟาโรห์
และจะหาที่กำบังใต้ร่มเงาของอียิปต์
๓ เพราะฉะนั้น การคุ้มครองของฟาโรห์จะกลายเป็นความอายของเจ้า
และที่กำบังใต้ร่มเงาของอียิปต์จะกลายเป็นความขายหน้าของเจ้า
๔ เพราะแม้ว่าพวกเจ้านายของเขาอยู่ที่โศอัน
และบรรดาทูตของเขาไปถึงฮาเนส
๕ ทุกคนได้รับความอับอาย
โดยชนชาติหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา
ซึ่งไม่ได้นำความช่วยเหลือหรือประโยชน์มาให้
นำแต่ความอายและความขายหน้า
๖ (ครุวาท๒ เรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ)
ไปตามแผ่นดินแห่งความลำบากและแสนระทม
ที่ซึ่งนางสิงโตและสิงโตตัวผู้ออกมา
ทั้งงูกะปะ และงูแมวเซา
เขาทั้งหลายบรรทุกทรัพย์สมบัติของเขาบนหลังลา
และบรรทุกทรัพย์สินของเขาบนโหนกอูฐ
ไปยังชนชาติหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา
๗ เพราะว่าความช่วยเหลือของอียิปต์นั้นไร้ผลและเปล่าประโยชน์
เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกเขาว่า
ราหับ๓ ที่นั่งเฉย
๘ บัดนี้ จงไปเถอะ และเขียนลงบนแผ่นจารึกต่อหน้าเขา
และบันทึกไว้ในหนังสือ
เพื่อว่าในเวลาข้างหน้าที่จะมาถึง
มันจะเป็นสักขีพยานตลอดไป
๙ เพราะว่าเขาเป็นประชาชนที่กบฏ
เป็นลูกหลานที่พูดปด
เป็นลูกหลานที่ไม่ยอมเชื่อฟัง
ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์
๑๐ พวกเขากล่าวกับผู้ทำนายว่า ¡°อย่าเห็นเลย¡±
และกล่าวกับผู้พยากรณ์ว่า ¡°อย่าพยากรณ์สิ่งถูกต้องแก่เรา
จงพูดแต่สิ่งราบรื่นกับเรา
จงพยากรณ์มายา
๑๑ จงไปเสียให้พ้นทาง จงหันออกไปจากวิถี
อย่าทำให้เราเผชิญกับองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลอีก¡±
๑๒ เพราะฉะนั้น องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
¡°เพราะเจ้าดูหมิ่น๔ ถ้อยคำนี้
และวางใจในการบีบบังคับและการทุจริต
และพึ่งอาศัยสิ่งเหล่านั้น
๑๓ เพราะฉะนั้น ความบาปนี้จะเป็นแก่เจ้า
เหมือนรอยแยกโผล่ออกมาของกำแพงสูงที่กำลังจะพัง
ซึ่งจะพังลงอย่างปัจจุบันทันด่วนในพริบตาเดียว
๑๔ มันจะพังเหมือนภาชนะของช่างปั้นหม้อที่พังไป
เมื่อถูกทุบให้แตกอย่างไม่ปรานี
โดยไม่พบชิ้นส่วนของภาชนะที่แตกนั้น
พอที่จะใช้ตักไฟจากข้างเตา
หรือใช้ตักน้ำจากบ่อเก็บน้ำ¡±
๑๕ เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายคือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
¡°ในการหันกลับและหยุดนิ่ง เจ้าทั้งหลายจะรอด
การเงียบสงบและการไว้วางใจจะเป็นกำลังของเจ้า
แต่เจ้าก็ไม่ยอมทำตาม
๑๖ และเจ้าทั้งหลายว่า
¡®ไม่เอา เราจะขี่ม้าหนีไป¡¯
เพราะฉะนั้น พวกเจ้าก็จะหนีไป
และว่า ¡®เราจะขี่ม้าเร็วจัด¡¯
เพราะฉะนั้น ผู้ไล่ตามเจ้าจะเร็วจัด
๑๗ คนหนึ่งพันจะหนีเพราะคำขู่ของคนเดียว
เจ้าทั้งหลายจะหนีเพราะคำขู่ของห้าคน
จนกระทั่งพวกเจ้าจะเหลือ
เป็นเหมือนเสาธงบนยอดเขา
เหมือนธงสัญญาณบนเนิน¡±


(2) ความรอดของพระเจ้า 30:18-26
๑๘ เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงรอคอยที่จะเมตตาท่าน
เพราะฉะนั้น พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อกรุณาพวกท่าน
เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม
ทุกคนที่รอคอยพระองค์ก็เป็นสุข
๑๙ เออ ประชาชนผู้อยู่ในศิโยน ผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม ท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะทรงกรุณาต่อเสียงร้องทูลของท่านอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน ๒๐ แม้องค์เจ้านายประทานขนมปังแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นบรมครูของท่านจะไม่ซ่อนตัวอีกเลย แต่ตาของท่านจะเห็นบรมครูของท่าน ๒๑ และเมื่อท่านหันไปทางขวา หรือหันไปทางซ้าย หูของท่านจะได้ยินคำพูดจากข้างหลังท่านว่า ¡°นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้¡± ๒๒ แล้วท่านจะละทิ้งรูปเคารพสลักอาบเงินของท่าน๕ และรูปเคารพหล่อชุบทองคำของท่าน ท่านจะกระจายมันไปอย่างของไม่สะอาด และท่านจะกล่าวกับมันว่า ¡°ไปให้พ้น¡±
๒๓ และพระองค์จะประทานฝนให้แก่เมล็ดพืชซึ่งท่านหว่านลงในดิน และประทานข้าวที่เป็นผลผลิตของดิน ข้าวจะอุดมและบริบูรณ์ ในวันนั้น ฝูงปศุสัตว์เลี้ยงของท่านจะกินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ๒๔ และโคกับลาที่ใช้ทำนาจะกินอาหารอย่างดี๖ ซึ่งฝัดด้วยพลั่วและส้อมซัด ๒๕ และบนภูเขาสูงเด่นทุกลูกกับบนเนินสูงทุกเนินจะมีลำธารที่มีน้ำไหล ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่ เมื่อหอคอยพังลง ๒๖ ยิ่งกว่านั้นอีก แสงของดวงจันทร์จะเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า เหมือนอย่างแสงสว่างของเจ็ดวัน ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงพันรอยแผลชนชาติของพระองค์ และรักษารอยช้ำของเขาที่พระองค์ทรงตีนั้น

(3) ล่มสลายของอัสซีเรีย 30:27-33
๒๗ นี่แน่ะ พระนามของพระยาห์เวห์มาจากที่ไกล
ร้อนไปด้วยความกริ้วของพระองค์กับควันทึบที่ลอยขึ้น
ริมพระโอษฐ์๗ ของพระองค์เต็มด้วยพระพิโรธ
และพระชิวหา๘ ของพระองค์เหมือนไฟเผาผลาญ
๒๘ พระปัสสาสะ๙ ของพระองค์เหมือนลำธารที่ท่วมท้น
ซึ่งท่วมสูงถึงลำคอ
เพื่อจะฝัดร่อนบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงร่อนในการทำลาย
และจะใส่บังเหียนที่ขากรรไกรของชนชาติทั้งหลายเพื่อพาไป๑๐
๒๙ พวกท่านจะมีบทเพลงเหมือนอย่างคืนที่มีเทศกาลเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ และมีใจยินดีเหมือนอย่างคนที่ออกเดินตามเสียงขลุ่ย เพื่อไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ถึงพระศิลาของอิสราเอล ๓๐ และพระยาห์เวห์จะทรงทำให้คนได้ยินพระสุรเสียงทรงพลังของพระองค์ และจะทรงทำให้ได้เห็นพระกรของพระองค์ที่ฟาดลงด้วยความกริ้วอย่างเกรี้ยวกราด และด้วยเปลวเพลิงเผาผลาญ รวมทั้งฝนตกหนัก กับพายุและลูกเห็บ ๓๑ คนอัสซีเรียจะสยดสยอง๑๑ ด้วยพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงโบยตีด้วยไม้๑๒ ของพระองค์ ๓๒ และทุกจังหวะของไม้เรียวที่ใช้ลงโทษ๑๓ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงหวดลงบนตัวเขา จะเข้ากับเสียงรำมะนาและพิณเขาคู่ และพระองค์จะทรงต่อสู้เขาในสงครามด้วยพระหัตถ์ที่กวัดแกว่ง ๓๓ เพราะที่สำหรับเผาก็จัดไว้นานแล้ว เออ เตรียมไว้สำหรับพระราชา เชิงตะกอนก็ลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและฟืนมากมาย พระปัสสาสะของพระยาห์เวห์เหมือนธารกำมะถันที่จุดมันให้ลุก

(4) การเตือนซำกัน 31
๑ วิบัติแก่พวกที่ลงไปอียิปต์เพื่อขอความช่วยเหลือ
ทั้งคิดพึ่งพาม้าทั้งหลาย
วิบัติแก่พวกคนวางใจในรถรบเพราะมีมาก
และวางใจในทหารม้าเพราะพวกเขาแข็งแรงนัก
แต่ไม่ได้มุ่งมองไปยังองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
หรือปรึกษา๑ พระยาห์เวห์
๒ แต่พระองค์ก็ทรงฉลาดด้วย และจะทรงนำภัยพิบัติมาให้
พระองค์ไม่ทรงเรียกพระวจนะของพระองค์คืนมา
แต่จะทรงลุกขึ้นต่อสู้กับวงศ์วานที่ทำชั่ว
และต่อสู้กับผู้ช่วยของคนทำบาป
๓ คนอียิปต์เป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า
และม้าของเขาก็เป็นเพียงเลือดเนื้อ ไม่ใช่วิญญาณ
เมื่อพระยาห์เวห์เหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ออก
ผู้ช่วยเหลือก็จะสะดุด และผู้รับการช่วยเหลือก็จะล้ม
และพวกเขาทั้งหมดจะพินาศไปด้วยกัน
๔ เพราะพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
¡°เหมือนสิงโตหรือสิงโตหนุ่มที่คำรามอยู่เหนือเหยื่อของมัน
และเมื่อเขาเรียกผู้เลี้ยงแกะหมู่หนึ่งมาสู้มัน
มันไม่หวาดกลัวต่อเสียงโห่ร้องของเขาทั้งหลาย
หรือหวาดหวั่นต่อเสียงอึงคะนึงของเขา¡±
ดังนั้นแหละพระยาห์เวห์จอมทัพจะเสด็จลงมา
เพื่อสู้รบบนภูเขาศิโยนและบนเนินเขาของมัน
๕ เหมือนนกที่กระพือปีกอยู่ ดังนั้นแหละพระยาห์เวห์จอมทัพ
จะทรงอารักขาเยรูซาเล็ม
พระองค์จะทรงอารักขาและช่วยกู้
พระองค์จะทรงผ่านข้าม๒ และช่วยชีวิต
๖ โอ ประชาชนอิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาหาพระองค์ผู้ที่พวกท่านได้กบฏอย่างร้ายแรง ๗ เพราะในวันนั้น แต่ละคนจะทิ้งรูปเคารพที่ทำด้วยเงินและรูปเคารพที่ทำด้วยทองคำของตน ซึ่งมือของท่านได้ทำขึ้นอย่างบาปหนาสำหรับท่าน
๘ แล้วคนอัสซีเรียจะล้มลงด้วยดาบที่ไม่ใช่ของมนุษย์
และดาบที่ไม่ใช่ของมนุษย์จะกินเขาเสีย
และเขาจะวิ่งหนีจากดาบ
และชายหนุ่มของเขาจะถูกบังคับใช้แรงงาน
๙ ป้อมปราการ๓ ของเขาจะสิ้นไปด้วยความหวาดหวั่น
และเจ้านายของเขาจะละทิ้งธงไปด้วยความหวาดกลัว¡±๔
พระยาห์เวห์ผู้ที่ไฟของพระองค์อยู่ในศิโยน
และผู้ที่เตาของพระองค์อยู่ในเยรูซาเล็ม ตรัสดังนี้แหละ


1.3 พระพรของอาณาจักรพระเมเสีย 32
(1) การปกครองของพระเมเสีย 1-8
๑ ดูเถิด พระราชาองค์หนึ่งจะปกครองด้วยความชอบธรรม
และบรรดาเจ้านายจะครอบครองด้วยความยุติธรรม
๒ และผู้หนึ่ง๑ จะเป็นเหมือนที่กำบังจากลมแรง
เหมือนที่คุ้มกันจากพายุฝน
เหมือนธารน้ำทั้งหลายในที่กันดาร
เหมือนร่มเงาของศิลามหึมาในแผ่นดินที่แห้งแล้ง๒
๓ แล้วดวงตาของพวกที่เห็นจะไม่ปิด
และหูของคนที่ฟังจะได้ยิน
๔ จิตใจของคนหุนหันจะเข้าใจ
และลิ้นของคนติดอ่างจะพูดฉะฉานและชัดเจน
๕ เขาจะไม่เรียกคนโง่ว่าคนสูงศักดิ์อีก
หรือเรียกคนพาลว่าเป็นคนน่านับถือ
๖ เพราะคนโง่พูดความโฉดเขลา
และใจของเขาก็ปองความชั่ว
เพื่อทำการอธรรม
และเพื่อพูดเรื่องไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
เพื่อทำคนหิวให้อดอยาก
และไม่ให้คนกระหายได้ดื่ม
๗ อุบายของคนพาลก็ชั่วร้าย
เขาวางแผนแต่การเลวร้าย
เพื่อทำลายคนจนด้วยถ้อยคำเท็จ
แม้ว่าคำร่ำร้องของคนขัดสนนั้นเที่ยงธรรม
๘ แต่ผู้สูงศักดิ์ก็ทำแต่สิ่งที่สูงส่ง
เขาดำรงอยู่ด้วยสิ่งที่สูงส่ง



(2) คำเตือนต่อผู้หญิงที่อยู่เฉย ๆ 9-14
๙ พวกผู้หญิงที่อยู่อย่างพออกพอใจนั้น จงตั้งใจฟัง๓ เสียงข้าพเจ้า
บรรดาบุตรีที่อยู่อย่างมั่นใจนั้น จงเงี่ยหูฟังคำข้าพเจ้า
๑๐ อีกเพียงสักปีกว่าๆ
หญิงที่อยู่อย่างมั่นใจจะสะดุ้งตัวสั่น
เพราะไร่องุ่นจะหมดสิ้น
ฤดูเก็บผลไม้จะไม่มาถึง
๑๑ หญิงที่อยู่อย่างพออกพอใจเอ๋ย จงตัวสั่น
เจ้าผู้อยู่อย่างมั่นใจเอ๋ย จงสะดุ้งตัวสั่น
จงแก้ผ้า และปล่อยตัวล่อนจ้อน
แล้วเอาผ้ากระสอบ๔ คาดเอวไว้
๑๒ จงทุบอกด้วยเรื่องไร่นาแสนสุข
ด้วยเรื่องเถาองุ่นผลดก
๑๓ ด้วยเรื่องที่ดินชนชาติของเรา
ซึ่งงอกแต่หนามใหญ่และหนามย่อย
ด้วยเรื่องบรรดาบ้านเรือนที่ชื่นบาน
ภายในนครรื่นเริง
๑๔ เพราะว่าพระราชวังจะถูกทอดทิ้ง
เมืองที่มีคนหนาแน่นจะถูกทิ้งร้าง
เนินเขาและหอคอย
จะกลายเป็นถ้ำตลอดไป
กลายเป็นที่ที่ชื่นบานของลาป่า
และเป็นลานหญ้าของฝูงแพะแกะ

(3) อาณาจักรของพระเมเสีย 15-20
๑๕ จนกว่าจะทรงเทพระวิญญาณจากเบื้องบนลงมาบนเรา
แล้วถิ่นทุรกันดารจะกลายเป็นสวนผลไม้
และสวนผลไม้นั้นจะถือเสมือนว่าเป็นป่า
๑๖ แล้วความยุติธรรมจะอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
และความชอบธรรมพักอยู่ในสวนผลไม้
๑๗ ผลงานของความชอบธรรมจะเป็นสันติสุข
และผลลัพธ์ของความชอบธรรมคือความเงียบสงบและความวางใจเป็นนิตย์
๑๘ ชนชาติของข้าพเจ้าจะอาศัยในที่อยู่แห่งสันติสุข
ในบ้านเรือนปลอดภัยและในที่พักสงบ
๑๙ แม้ป่าพังทลายเมื่อลูกเห็บตก
และเมืองจะยุบลงอย่างสิ้นเชิง๕
๒๐ ความสุขจะมีกับพวกท่านที่หว่านอยู่ข้างห้วงน้ำทั้งปวง
ผู้ปล่อยให้ตีนวัวและตีนลาอยู่อย่างอิสระ

1.4 พระพรเอาชนะศัตรู 33
(1) วิบัติตแก่อัสซีเรีย 1-6
๑ วิบัติแก่เจ้าผู้ทำลายล้าง
และตัวเจ้าเองไม่ถูกทำลายล้าง
วิบัติแก่เจ้าคนทรยศ
และไม่มีใครได้ทรยศเจ้า๑
เมื่อเจ้าหยุดการทำลายล้าง
เจ้าก็จะถูกทำลายล้าง
และเมื่อเจ้าเลิกการทรยศ
เขาทั้งหลายก็จะทรยศเจ้า
๒ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงกรุณาพวกข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์
ขอทรงเป็นแขนของข้าพระองค์ทั้งหลายทุกๆ เช้า
เป็นความรอดของพวกข้าพระองค์ในยามทุกข์ยาก
๓ เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวาย ชนชาติทั้งหลายก็วิ่งหนี
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น ประชาชาติก็กระจัดกระจายไป
๔ ของริบของพวกท่านจะถูกรวบรวมเหมือนตั๊กแตนตัวอ่อนเก็บรวบรวม
คนจะกระโดดตะครุบเหมือนอย่างฝูงตั๊กแตนว้าว่อนโดดตะครุบ
๕ พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่ยกย่อง เพราะพระองค์ประทับ ณ ที่สูง
พระองค์ทรงให้ศิโยนเต็มด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
๖ และพระองค์จะทรงเป็นเสถียรภาพในช่วงเวลาของท่าน
ทรงเป็นความรอด สติปัญญา และความรู้อันอุดม
ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นทรัพย์สมบัติของศิโยน๒

(2) ความรอดของพระเจ้า 7-16
๗ ดูสิ ผู้แกล้วกล้าของพวกเขาร่ำร้องอยู่ภายนอก
คณะทูตสันติภาพร่ำไห้อย่างขมขื่น
๘ ทางหลวงก็ร้างเปล่า
คนสัญจรก็หยุด
เขาหักพันธสัญญาเสีย
เขาดูหมิ่นพยานทั้งหลาย๓
เขาไม่ได้ให้เกียรติคน
๙ แผ่นดินไว้ทุกข์และอ่อนระทวย
เลบานอนอับอายและเหี่ยวแห้งไป
ชาโรนเป็นเหมือนที่ราบแห้งแล้ง
บาชานและคารเมลก็สลัดใบ
๑๐ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°บัดนี้ เราจะลุกขึ้น
บัดนี้ เราจะเป็นที่ยกย่อง
บัดนี้ เราจะเป็นที่เชิดชู
๑๑ พวกเจ้าอุ้มท้องแต่แกลบ เจ้าคลอดแต่ตอข้าว
ลมหายใจของพวกเจ้าเป็นไฟที่จะเผาผลาญเจ้า
๑๒ และประชาชนทั้งหลายก็จะเหมือนถูกเผาจนเป็นปูน
เหมือนกอหนามที่ถูกตัดแล้วเผาในไฟ
๑๓ พวกเจ้าผู้อยู่ไกล ฟังซิว่าเราได้ทำอะไร
เจ้าผู้อยู่ใกล้ จงรับรู้กำลังของเรา¡±
๑๔ พวกคนบาปในศิโยนก็หวาดกลัว
ความสะทกสะท้านเข้าครอบงำคนไร้พระเจ้า
มีใครในพวกเราอยู่กับไฟที่เผาผลาญได้?
มีใครในพวกเราอยู่กับการเผาไหม้เป็นนิตย์ได้?
๑๕ คือผู้ดำเนินอย่างชอบธรรม และพูดอย่างเที่ยงตรง
ผู้ดูหมิ่นผลได้จากการบีบบังคับ
ผู้สลัดมือของเขาจากการถือสินบน
ผู้อุดหูไม่ฟังอุบายเรื่องทำให้โลหิตตก๔
และปิดตาของเขาไม่มองความชั่วร้าย
๑๖ เขาจะอาศัยอยู่บนที่สูง
ที่ลี้ภัยของเขาจะเป็นป้อมหิน
จะมีผู้ให้อาหารแก่เขา น้ำดื่มของเขาจะมีแน่

(3) อาณาจักรความชอบธรรม และ สันติภาพ 17-24
๑๗ ดวงตาของท่านจะเห็นพระราชาผู้ทรงสง่างาม
และจะมองเห็นแผ่นดินที่ยืดยาวออกไปไกล
๑๘ จิตใจของท่านจะคิดถึงความสยดสยอง[สมัยก่อน ]๕
คนที่นับจำนวนอยู่ไหนแล้ว?
คนที่ชั่งจำนวนเงินอยู่ไหนแล้ว?
คนที่นับจำนวนหอคอยอยู่ไหนแล้ว?
๑๙ ท่านจะไม่เห็นชนชาติดุร้ายอีก
คือชนชาติที่พูดต่างภาษาซึ่งฟังไม่ออก
ที่พูดตะกุกตะกักซึ่งเข้าใจไม่ได้
๒๐ จงมองดูศิโยน เมืองแห่งเทศกาลเลี้ยงของพวกเรา
ดวงตาของท่านจะเห็นเยรูซาเล็ม
เป็นที่อยู่อันสงบ เป็นเต็นท์ที่ไม่ต้องขนย้าย
หลักหมุดของมันจะไม่มีวันถูกถอน
เชือกผูกของมันก็ไม่มีวันขาด
๒๑ และที่นั่นพระยาห์เวห์จะเป็นผู้ทรงโอ่อ่าตระการต่อพวกเรา
จะเป็นดั่งสถานที่มีแม่น้ำและลำธารกว้างใหญ่
ที่ซึ่งเรือพายจะไม่พายมา
และเรือที่โอ่อ่าตระการไม่ผ่านไป
๒๒ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้พิพากษาของพวกเรา พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้ครอบครองของเรา๖
พระยาห์เวห์ทรงเป็นกษัตริย์ของเรา พระองค์จะทรงช่วยเราให้รอด
๒๓ สายโยงของท่านห้อยหย่อน
มันยึดเสาให้แน่นไม่ได้
หรือยึดใบให้กางไม่ได้
แล้วเขาจะแบ่งของริบที่มีมากมายนั้น
แม้คนง่อยก็จะเอาเหยื่อไปได้
๒๔ ไม่มีชาวเมืองคนไหนจะพูดว่า ¡°ข้าป่วยอยู่¡±
ประชาชนผู้อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับการอภัย

1.5 ส่งราศีอิสราเอลในที่สุด 34-35
(1) การพิพากษาบรรดาประชาชาติ 34:1-4
๑ ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเข้ามาใกล้เพื่อจะได้ฟัง
ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟังซิ
ขอให้แผ่นดินโลกและสรรพสิ่งในนั้นฟัง
ทั้งพิภพและบรรดาสิ่งที่มาจากพิภพ
๒ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเกรี้ยวกราดต่อประชาชาติทั้งสิ้น
และทรงพระพิโรธต่อกองทัพทั้งหมดของเขา
พระองค์ทรงทำลายพวกเขา และทรงมอบให้แก่การฆ่าฟัน
๓ พวกที่ถูกฆ่าของเขาจะถูกเหวี่ยงออกไป
และกลิ่นเหม็นจากศพของพวกเขาจะฟุ้งไป
เลือดของพวกเขาจะนอง๑ ภูเขาทั้งหลาย
๔ บริวารทั้งหมดของฟ้าสวรรค์จะเสื่อมสลายไป
และท้องฟ้าก็จะถูกม้วนเหมือนหนังสือม้วน
บริวารทั้งสิ้นของมันจะร่วงลง
เหมือนใบไม้ร่วงลงจากเถาองุ่น
หรือร่วงลงจากต้นมะเดื่อ

(2) การพิพากษาของแอโดม 34:5-17
๕ เมื่อดาบของเราได้ดื่มจนอิ่มในฟ้าสวรรค์แล้ว
ดูสิ มันจะลงมายังเอโดม
มายังชนชาติที่เรากำหนดให้ทำลายในการพิพากษา
๖ พระแสงดาบของพระยาห์เวห์อาบด้วยโลหิต
เกรอะกรังไปด้วยไขมัน
ด้วยเลือดของลูกแกะและแพะตัวผู้
กับไขมันจากไตของแกะตัวผู้
เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีการฆ่าบูชาในเมืองโบสราห์
มีการฆ่าขนานใหญ่ในแผ่นดินเอโดม
๗ วัวกระทิงจะล้มลงพร้อมกับพวกมัน
และวัวหนุ่มพร้อมกับวัวผู้ที่แข็งแรง
แผ่นดินของพวกเขาจะโชกไปด้วยเลือด
และดิน๒ จะชุ่มไปด้วยไขมัน
๘ เพราะพระยาห์เวห์ทรงมีวันเพื่อการแก้แค้น
มีปีแห่งการตอบแทนเพื่อกรณีพิพาทของศิโยน
๙ แล้วลำธารทั้งหลายของเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย
และดินของมันจะกลายเป็นกำมะถัน
แผ่นดินของมันจะเป็นยางมะตอยที่ไหม้อยู่
๑๐ จะไม่ดับไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวัน
ควันของมันจะลอยขึ้นอยู่ตลอดไป
มันจะถูกทิ้งร้างอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
จะไม่มีใครเดินผ่านตลอดไปเป็นนิตย์
๑๑ แต่นกกระทุงและอีกาบ้านจะยึดมันเป็นกรรมสิทธิ์
นกทึดทือและกาจะอาศัยอยู่ที่นั่น
พระองค์จะทรงขึงสายของความอลหม่านเหนือมัน
และปล่อยลูกดิ่งแห่งความว่างเปล่า
๑๒ พวกขุนนางของมันไม่อาจเรียกอะไรที่นั่นว่าเป็นอาณาจักรได้๓
และบรรดาเจ้านายของมันจะไม่มีอีกเลย
๑๓ ต้นหนามจะงอกเหนือป้อมของมัน
ตำแยและต้นกระชับจะงอกในปราการของมัน
มันจะเป็นที่อยู่ของหมาป่า
และเป็นลานของนกกระจอกเทศ
๑๔ แล้วสัตว์ป่า๔ จะพบกับหมาจิ้งจอก
แพะตัวผู้๕ จะร้องหาพวกของมัน
ผียามราตรีจะมาพักผ่อนที่นั่น
และมันพบที่หยุดพักสำหรับตน
๑๕ นกฮูก๖ จะทำรังและออกไข่ที่นั่น
ทั้งกกไข่และรวบรวมลูกอ่อนไว้ใต้ร่มของมัน
เออเหยี่ยวปีกดำจะรวมตัวกันที่นั่น
ต่างก็อยู่กับคู่ของมัน
๑๖ จงค้นหาและจงอ่านจากหนังสือของพระยาห์เวห์
ไม่มีสักตัวเดียวในพวกมันหายไป
ไม่มีตัวไหนขาดคู่
เพราะพระโอษฐ์ของพระองค์ทรงบัญชาไว้แล้ว
และพระวิญญาณของพระองค์ทรงรวบรวมพวกมันไว้
๑๗ พระองค์ทรงจับฉลากให้พวกมัน
พระหัตถ์ของพระองค์ได้ปันส่วนให้มันด้วยเชือกวัด
พวกมันจะได้กรรมสิทธิ์เป็นนิตย์
มันจะอาศัยอยู่ที่นั่นทุกชั่วชาติพันธุ์

(3) ส่งราศีอิสราเอลในที่สุด 35
๑ ถิ่นทุรกันดารและพื้นดินแห้งแล้งจะยินดี
ที่ราบแห้งแล้งจะเปรมปรีดิ์และผลิดอก
อย่างต้นดอกฝรั่น
๒ มันจะออกดอกอย่างมากมาย
ทั้งเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบานและการร้องเพลง
มันจะได้รับศักดิ์ศรีของเลบานอน
ทั้งความโอ่อ่าตระการของคารเมลและชาโรน
ที่เหล่านี้จะเห็นพระสิริของพระยาห์เวห์
คือความโอ่อ่าตระการของพระเจ้าของเรา
๓ จงเสริมกำลังแก่มือที่อ่อนแรง
และทำหัวเข่าที่โอนเอนให้มั่นคง
๔ จงกล่าวกับคนที่มีใจหวาดกลัวว่า
¡°จงเข้มแข็งเถอะ และอย่ากลัวเลย
ดูสิ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย
พระองค์จะเสด็จมาด้วยการแก้แค้น
ด้วยการตอบแทนของพระเจ้า
พระองค์จะเสด็จมาและจะช่วยท่านให้รอด¡±
๕ แล้วตาของคนตาบอดจะได้เห็น๑
และหูของคนหูหนวกจะได้ยิน๒
๖ คนง่อยจะกระโดดอย่างกวาง
และลิ้นของคนใบ้จะโห่ร้องยินดี
เพราะน้ำจะพลุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร
และลำธารเกิดขึ้นในที่ราบแห้งแล้ง
๗ พื้นดินร้อนจัดจะกลายเป็นสระน้ำ
และพื้นดินแห้งผากจะเป็นน้ำพุ
ในโพรงที่หมาป่าเคยนอนพักอยู่
หญ้าจะโตเป็นต้นอ้อและต้นกก๓
๘ และจะมีทางหลวงและทางเดินที่นั่น๔
และเขาจะเรียกทางนั้นว่า วิสุทธิมรรค
คนไม่สะอาดจะไม่เดินทางนั้น
แต่เป็นทางเพื่อผู้ที่จะเดินทางนั้น
แม้คนโง่ก็ไม่เดินหลงทาง
๙ จะไม่มีสิงโตที่นั่น
และไม่มีสัตว์ร้ายขึ้นมาบนนั้น
จะหามันไม่พบในที่นั้น
แต่พวกที่ทรงไถ่ไว้แล้วจะเดินบนนั้น
๑๐ ผู้ได้รับการไถ่ของพระยาห์เวห์จะกลับมา
และจะมายังศิโยนด้วยการร้องเพลง
มีความยินดีเป็นนิตย์บนศีรษะของเขาทั้งหลาย
เขาจะได้รับความชื่นใจและความยินดี
ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีหายไป


II บันทึกประวัติศาสตร์ 36-39

A. การบุกรุกของอัสซีเรีย 36
๑ ต่อมาในปีที่ 14 ของรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรียยกขึ้นมาต่อสู้เมืองมีป้อมทั้งหมดของยูดาห์ และยึดไว้ได้ ๒ แล้วพระราชาของอัสซีเรียทรงใช้รับชาเคห์๑ จากเมืองลาคีชมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับกองทัพใหญ่ และท่านมายืนอยู่ตรงรางระบายน้ำของสระบนที่ถนนลานซักฟอก ๓ เอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ผู้บัญชาการราชสำนักก็ออกมาหาท่าน พร้อมกับเชบนาราชเลขาและโยอาห์บุตรชายอาสาฟเจ้ากรมสารบรรณ ๔ แล้วรับชาเคห์พูดกับพวกเขาว่า ¡°จงบอกเฮเซคียาห์ว่า พระมหาราชาคือพระราชาของอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ¡®เจ้ามั่นใจเช่นนี้เพราะวางใจในสิ่งใด? ๕ เจ้าคิดว่า๒ ลำพังถ้อยคำจากปากก็เป็นยุทธศาสตร์และแสนยานุภาพในสงครามได้หรือ? บัดนี้ เจ้ามั่นใจในตัวใคร เจ้าจึงได้กบฏต่อเรา? ๖ ดูสิ เวลานี้เจ้าพึ่งอียิปต์ซึ่งเป็นไม้เท้าอ้อช้ำ คนที่ใช้ไม้เท้านี้๓ ยันตัวก็จะถูกตำมือ ฟาโรห์พระราชาอียิปต์ก็จะเป็นเช่นนี้ต่อทุกคนที่พึ่งในตัวเขา ๗ แต่ถ้าเจ้าจะบอกเราว่า ¡°พวกเรามั่นใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา¡± ก็ปูชนียสถานสูงและแท่นบูชาของพระองค์ไม่ใช่หรือที่เฮเซคียาห์รื้อทิ้ง? และเขากล่าวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า ¡°ท่านทั้งหลายจงนมัสการหน้าแท่นบูชานี้¡± ¡¯ ๘ บัดนี้ จงมาตกลงกับพระราชาอัสซีเรียเจ้านายของข้า และข้าจะให้ม้า 2,000 ตัวแก่เจ้าถ้าหากฝ่ายเจ้าหาคนที่จะขี่ม้าเหล่านั้นได้ ๙ แล้วเจ้าจะขับไล่นายกองที่เล็กที่สุดสักคนหนึ่งในพวกข้าราชการของเจ้านายข้าได้อย่างไร? และยังมั่นใจในอียิปต์สำหรับรถรบและพลม้าได้อย่างไร? ๑๐ ยิ่งกว่านั้น ข้ามาต่อสู้เพื่อทำลายแผ่นดินนี้โดยปราศจากพระยาห์เวห์หรือ? พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าว่า ¡®จงขึ้นไปต่อสู้กับแผ่นดินนี้และทำลายเสีย¡¯ ¡±
๑๑ แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์เรียนรับชาเคห์ว่า ¡°ขอกรุณาพูดกับผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอาราเมคเถิด เพราะเราเข้าใจภาษานั้น โปรดอย่าพูดกับเราเป็นภาษายูดาห์ให้ประชาชนที่อยู่บนกำแพงได้ยินเลย¡± ๑๒ แต่รับชาเคห์ว่า ¡°เจ้านายของข้าใช้ข้ามาพูดถ้อยคำเหล่านี้กับเจ้านายของเจ้าและกับเจ้าเท่านั้น โดยไม่ให้พูดกับพวกนั่งอยู่บนกำแพงคือพวกที่ต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขาพร้อมกับพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ?¡± ๑๓ แล้วรับชาเคห์ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษายูดาห์ว่า ¡°จงฟังคำของพระมหาราชา คือพระราชาของอัสซีเรีย ๑๔ พระราชาตรัสดังนี้ว่า ¡®อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้า ๑๕ และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าพึ่งในพระยาห์เวห์ โดยกล่าวว่า ¡°พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้เราแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของพระราชาของอัสซีเรีย¡± ¡¯ ๑๖ อย่าฟังเฮเซคียาห์เพราะพระราชาของอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ¡®จงยอมสงบศึกกับเรา๔ และออกมาหาเรา แล้วแต่ละคนจะได้กินจากเถาองุ่นของตน ทั้งได้กินจากต้นมะเดื่อของตน และแต่ละคนจะได้ดื่มน้ำจากที่เก็บน้ำของตน ๑๗ จนกว่าเราจะมา และจะนำเจ้าทั้งหลายไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง คือแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่น แผ่นดินที่มีขนมปังและสวนองุ่น ๑๘ อย่าให้เฮเซคียาห์นำพาพวกเจ้าให้หลงผิดไปโดยกล่าวว่า ¡°พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้พวกเรา¡± มีพระองค์ไหนของแต่ละประชาชาติที่ช่วยกู้แผ่นดินของตนให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระราชาของอัสซีเรียได้หรือ? ๑๙ พระของเมืองฮามัทและเมืองอารปัดอยู่ที่ไหน? พระของเมืองเสฟารวาอิมอยู่ที่ไหน? พวกเขาช่วยกู้สะมาเรียจากมือของเราได้หรือ? ๒๐ พระองค์ไหนในพวกพระทั้งหมดของดินแดนเหล่านี้ที่ช่วยกู้ดินแดนของตนจากมือของเราได้? แล้วพระยาห์เวห์จะช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?¡¯ ¡± ๒๑ แต่เขาทั้งหลายนิ่งเงียบ ไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของกษัตริย์มีว่า ¡°อย่าตอบโต้เขา¡± ๒๒ แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ ผู้บัญชาการราชสำนัก เชบนาราชเลขา และโยอาห์บุตรอาสาฟ เจ้ากรมสารบรรณเข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลถ้อยคำของรับชาเคห์


B. การขับไล่อัสซีเรีย 37
1. อธิษฐานของกษัตรติ และ ได้รับคำตอบอธิษฐาน (1) 1-7
๑ เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยิน พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์๑ และทรงเอาผ้ากระสอบ๒ คลุมพระองค์ แล้วเสด็จเข้าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ๒ และพระองค์ทรงใช้เอลียาคิม ผู้บัญชาการราชสำนัก เชบนาราชเลขา และบรรดาปุโรหิตอาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบไปหาอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรชายของอามอส ๓ เขาทั้งหลายเรียนท่านว่า ¡°เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า ¡®วันนี้เป็นวันทุกข์ใจ วันที่ถูกว่ากล่าวและวันอดสู เด็กถึงกำหนดคลอดแต่ไม่มีกำลังเบ่งให้คลอด ๔ บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสดับถ้อยคำของรับชาเคห์ ผู้ซึ่งพระราชาของอัสซีเรียเจ้านายของเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และพระองค์จะทรงกำราบบรรดาถ้อยคำซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสดับแล้ว เพราะฉะนั้น ขอท่านถวายคำอธิษฐานเพื่อพวกที่เหลือของคนเหลืออยู่¡¯ ¡± ๕ เมื่อข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์ ๖ อิสยาห์ก็บอกเขาทั้งหลายว่า ¡°จงทูลเจ้านายของพวกท่านดังนี้ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ¡®อย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้น ซึ่งข้าราชการของพระราชาของอัสซีเรียได้กล่าวหยาบช้าต่อเรา ๗ นี่แน่ะ เราจะใส่วิญญาณจิตแบบหนึ่งในตัวเขา เพื่อว่าเขาจะได้ยินข่าวลือแล้วกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง¡¯ ¡±

2. หนังสือท้าทายของเซนนาเคอริบ 8-13
๘ รับชาเคห์กลับไปเพราะเขาได้ยินว่าพระราชาของอัสซีเรียออกจากลาคีชแล้ว และพบว่า พระราชาของอัสซีเรียสู้รบที่เมืองลิบนาห์ ๙ พระองค์ทรงได้ยินรายงานเกี่ยวกับทีรหะคาห์พระราชาของคูชว่า ¡°เขาได้ออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว¡± และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว จึงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์โดยตรัสว่า ๑๐ ¡°พวกเจ้าจงพูดดังนี้กับเฮเซคียาห์พระราชาของยูดาห์ว่า ¡®อย่าให้พระเจ้าของเจ้าซึ่งเจ้าเชื่อมั่นนั้นหลอกลวงเจ้าว่า ¡°เยรูซาเล็มจะไม่ถูกมอบไว้ในมือพระราชาของอัสซีเรีย¡± ๑๑ ดูสิ เจ้าได้ยินแล้วว่าบรรดาพระราชาของอัสซีเรียได้ทำอะไรกับดินแดนทุกแห่ง คือได้ทำลายอย่างสิ้นเชิง แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยกู้หรือ? ๑๒ พวกพระของประชาชาติทั้งหลายที่บรรพบุรุษของเราได้ทำลายนั้นช่วยกู้พวกเขาได้หรือ? คือโกเซน ฮาราน เรเซฟ และชาวเอเดนที่อยู่ในเทลอัสสาร์ ๑๓ พระราชาของฮามัท พระราชาของอารปัด พระราชาของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหนแล้ว?¡¯ ¡±

3. อธิษฐานของกษัตรติ และ ได้รับคำตอบอธิษฐาน (2) 14-35
๑๔ เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือผู้สื่อสาร และทรงอ่าน แล้วเฮเซคียาห์ทรงขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ๑๕ และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ๑๖ ¡°ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลก คือพระองค์แต่เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ๑๗ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรและทรงมองดู และขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ๑๘ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นความจริงที่บรรดาพระราชาของอัสซีเรียได้ทำให้ประเทศทั้งสิ้นและแผ่นดินของพวกเขานั้นร้างเปล่า ๑๙ และได้เหวี่ยงพระทั้งหลายของเขาเข้าไปในไฟ เพราะพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ที่เป็นไม้และหิน ดังนั้นพวกนั้นจึงถูกทำลายไป ๒๐ บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่เพียงองค์เดียวทรงเป็นพระยาห์เวห์¡±๓
๒๑ แล้วอิสยาห์บุตรอามอสส่งข่าวถึงเฮเซคียาห์ทูลว่า ¡°พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ¡®เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราถึงเรื่องเซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรีย¡¯ ๒๒ ต่อไปนี้เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสต่อสู้เขาว่า
¡®ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน
ดูถูกเจ้า และเย้ยหยันเจ้า
ธิดาของเยรูซาเล็ม
สั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า
๒๓ ¡®เจ้าเยาะเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อใคร?
เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด?
และเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่ง
ต่อองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
๒๔ เจ้าเยาะเย้ยองค์เจ้านายโดยพวกคนใช้ของเจ้า
และเจ้าพูดว่า ¡°ด้วยรถรบจำนวนมากของข้า
ข้าได้ขึ้นยังที่สูงของภูเขาทั้งหลาย
ไปถึงที่ไกลสุดของเลบานอน
ข้าโค่นต้นสนสีดาร์สูงที่สุดของมันลง
ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน
ข้าเข้าไปถึงยอดสูงสุดของมัน
ไปยังป่าทึบที่สุดของมัน
๒๕ ข้าขุดบ่อ
และดื่มน้ำ๔
และด้วยฝ่าเท้าของข้า
ข้าจะทำให้ธารน้ำทั้งหมดของอียิปต์แห้งไป¡±
๒๖ ¡®เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า
เรากะการไว้นานแล้ว?
เราวางแผนไว้แต่ดึกดำบรรพ์
และบัดนี้เราทำให้มันเป็นไปแล้ว
คือเจ้าทำให้เมืองที่มีป้อมพังลง
กลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง
๒๗ ส่วนมือไม้ของชาวเมืองก็หมดเรี่ยวแรง
พวกเขาท้อแท้และอับอาย
และกลายเป็นเหมือนพืชที่ทุ่งนา
และเหมือนหญ้าอ่อน
เหมือนหญ้าบนยอดหลังคาบ้าน
ถูกเผาเกรียม๕ ก่อนที่มันจะโตขึ้น
๒๘ ¡®แต่เรารู้จักการที่เจ้านั่งลง
กับการที่เจ้าออกไปและเข้ามา
และการที่เจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา
๒๙ เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา
และความจองหองของเจ้ามาเข้าหูเรา
ฉะนั้น เราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า
และเอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
แล้วเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง
ที่เจ้าเข้ามานั้น¡¯
๓๐ ¡°และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่าน คือปีนี้ท่านจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิออกจากที่เดิม แล้วในปีที่สาม จงหว่าน แล้วเกี่ยว และจงทำสวนองุ่นและกินผลของมัน ๓๑ ส่วนพวกรอดตายของคนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ยูดาห์นั้น จะหยั่งรากลงล่าง และเกิดผลขึ้นบน ๓๒ เพราะว่าคนที่เหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม และคนที่หนีรอดจะออกมาจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงทำการนี้
๓๓ ¡°เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับพระราชาของอัสซีเรียดังนี้ว่า ¡®เขาจะไม่เข้ามาในนครนี้หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาข้างหน้านครหรือสร้างเชิงเทินต่อสู้มัน ๓๔ เขามาทางไหน เขาจะต้องกลับไปทางนั้น เขาจะไม่เข้ามาในนครนี้ ¡¯ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ๓๕ ¡®และเราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อช่วยให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา¡¯ ¡±

4. ขับไล่กองทัพอัสซีเรีย 36-38
๓๖ ทูตของพระยาห์เวห์ออกไป และประหารคนในค่ายของคนอัสซีเรีย 185,000 คน และถึงเวลาเช้ามืดเมื่อคนตื่นขึ้น ดูสิ พวกเหล่านั้นกลายเป็นศพทั้งหมด ๓๗ แล้วเซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรียก็ยกทัพไป และกลับบ้าน แล้วอาศัยอยู่ในกรุงนีนะเวห์ ๓๘ ต่อมาเมื่อพระองค์นมัสการในพระนิเวศของพระนิสโรกเทพเจ้าของพระองค์ อัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ พระราชโอรสของพระองค์ก็ประหารพระองค์ด้วยดาบ แล้วหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองแทน


C. การป่วยของเฮเซคียาห์ 38
๑ เวลานั้น เฮเซคียาห์ประชวรใกล้สิ้นพระชนม์ และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า ¡°พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ¡®จงจัดการบ้านเรือนให้เรียบร้อย เพราะเจ้าจะตาย จะไม่มีชีวิตอยู่¡¯ ¡± ๒ แล้วเฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าข้างฝา และทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ๓ ¡°ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ขอวิงวอนพระองค์ให้ระลึกว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และด้วยสิ้นสุดใจ ทั้งได้ทำสิ่งดีในสายพระเนตรของพระองค์¡± แล้วเฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่างมาก ๔ และพระวจนะของพระยาห์เวห์ก็มาถึงอิสยาห์ว่า ๕ ¡°จงไปและบอกเฮเซคียาห์ว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิด บรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่า ¡®เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า เราเห็นน้ำตาของเจ้า นี่ แน่ะ เราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าอีกสิบห้าปี ๖ และเราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือพระราชาของอัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้ไว้¡¯ ¡±
๗ ¡°นี่จะเป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระยาห์เวห์ ที่พระยาห์เวห์จะทรงทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า ๘ ¡®ดูสิ เราจะทำให้เงาจากดวงอาทิตย์ที่ทอดลงไปเป็นขั้นๆ บนนาฬิกาแดดของอาหัสนั้นย้อนกลับขึ้นมาสิบขั้น¡¯ ¡± ดวงอาทิตย์ก็ย้อนกลับมาสิบขั้นบนนาฬิกาแดดตามขั้นที่มันได้ผ่านไปแล้ว
๙ บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์กษัตริย์ของยูดาห์ หลังจากประชวร และทรงมีชีวิตรอดจากการประชวรของพระองค์นั้น มีว่า
๑๐ ข้าพเจ้าว่า เมื่อวันเวลามาถึงวัยฉกรรจ์๑
ข้าพเจ้าจะต้องจากไป
ยังประตูแดนคนตาย
ข้าพเจ้าถูกตัดขาดจากวันเวลาที่เหลือของชีวิต
๑๑ ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระยาห์เวห์
คือไม่เห็นพระยาห์เวห์ในแผ่นดินของคนเป็น
ข้าพเจ้าจะไม่ได้มองดูมนุษย์อีก
หรืออยู่กับผู้อาศัยในที่ไม่ยั่งยืน
๑๒ ที่อยู่ของข้าพเจ้าถูกรื้อและถอนออกไปจากข้าพเจ้า
เหมือนอย่างเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะ
ข้าพเจ้าม้วนชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้า
พระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก
จากกลางวันถึงกลางคืน พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสาน
๑๓ ข้าพเจ้าคิดคำนึง๒ จนรุ่งเช้า
เหมือนอย่างสิงโต พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งหมดของข้าพเจ้า
จากกลางวันถึงกลางคืน พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสาน
๑๔ ข้าพเจ้าร้องเหมือนนกนางแอ่น เหมือนนกกระเรียน
ข้าพเจ้าพิลาปเหมือนนกพิราบ
ตาของข้าพเจ้าเหนื่อยล้าด้วยการมองขึ้นเบื้องบน
ข้าแต่องค์เจ้านาย ข้าพระองค์ถูกบีบบังคับ ขอทรงเป็นหลักประกันของข้าพระองค์
๑๕ แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว
และพระองค์เองทรงทำเช่นนั้น
ข้าพเจ้าดำเนินอย่างสงบเสงี่ยมตลอดปีเดือนของข้าพเจ้า
เพราะความขมขื่นในใจของข้าพเจ้า
๑๖ ข้าแต่องค์เจ้านาย มนุษย์๓ ดำรงชีพด้วยสิ่งเหล่านี้
และวิญญาณจิตของข้าพระองค์ก็มีชีวิตด้วยสิ่งทั้งหมดนี้
ขอทรงให้ข้าพระองค์หายดีและให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่
๑๗ นี่แน่ะ เพื่อสวัสดิภาพของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นอย่างยิ่ง
แต่พระองค์ทรงฉุดชีวิตของข้าพระองค์
ออกจากหลุมของความพินาศ
เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งหมดของข้าพระองค์
ไว้ข้างหลังของพระองค์
๑๘ เพราะแดนคนตายขอบพระคุณพระองค์ไม่ได้
ความมรณาก็สรรเสริญพระองค์ไม่ได้
บรรดาคนที่ลงไปยังหลุมนั้น
จะหวังในความซื่อสัตย์ของพระองค์ไม่ได้
๑๙ คนมีชีวิต คนมีชีวิต เขาขอบพระคุณพระองค์
เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ทำอยู่ในเวลานี้
บิดาจะบอกบุตรทั้งหลายให้รู้
ถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์
๒๐ พระยาห์เวห์จะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด
และพวกเราจะบรรเลงเพลงด้วยเครื่องสาย
ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของพวกเรา
ที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์
๒๑ และอิสยาห์กล่าวว่า ¡°ให้เอามะเดื่อก้อนมา และแปะไว้ที่พระยอด๔ เพื่อพระองค์จะหายประชวร¡± ๒๒ เฮเซคียาห์ตรัสด้วยว่า ¡°อะไรเป็นหมายสำคัญที่ ข้าพเจ้าจะขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์?¡±


D. ความผิดพลาตของเฮเซคียาห์ 39
๑ ในเวลานั้น เมโรดัคบาลาดันพระราชโอรสของบาลาดัน พระราชาแห่งบาบิโลน ทรงส่งพระราชสารและเครื่องบรรณาการมายังเฮเซคียาห์ เพราะพระองค์ทรงได้ยินว่าเฮเซคียาห์ประชวร และทรงแข็งแรงดีแล้ว ๒ และเฮเซคียาห์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเขาเหล่านั้น และทรงให้พวกเขาดูคลังทรัพย์ของพระองค์ คือดูเงิน ทองคำ เครื่องเทศ น้ำมันหอม และคลังแสงทั้งหมดของพระองค์ รวมทั้งทุกอย่างที่มีอยู่ในท้องพระคลังของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดในพระราชวังหรือในราชอาณาจักรของพระองค์ที่เฮเซคียาห์ไม่ได้ทรงสำแดงแก่เขาทั้งหลาย ๓ แล้วผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ก็มาเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์และทูลพระองค์ว่า ¡°คนเหล่านี้ทูลอะไรบ้าง? และพวกที่มาเข้าเฝ้าพระองค์นั้นมาจากไหน?¡± เฮเซคียาห์ตรัสว่า ¡°พวกเขามาหาเราจากแดนไกล จากกรุงบาบิโลน¡± ๔ ท่านทูลว่า ¡°พวกเขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง?¡± และเฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า ¡°เขาเห็นทุกอย่างในพระราชวังของเรา ไม่มีสิ่งใดในพระคลังของเราซึ่งเราไม่ได้สำแดงแก่พวกเขา¡±
๕ แล้วอิสยาห์ทูลเฮเซคียาห์ว่า ¡°ขอทรงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์จอมทัพ ๖ ¡®ดูสิ วันเวลากำลังจะมาถึง เมื่อทุกสิ่งที่อยู่ในพระราชวังของเจ้า และทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมมาจนถึงทุกวันนี้จะต้องถูกเอาไปยังบาบิโลน จะไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ๗ ¡®และบุตรทั้งหลายซึ่งจะถือกำเนิดจากเจ้า ซึ่งจะเกิดมาแก่เจ้าจะถูกนำเอาไป และพวกเขาจะเป็นขันทีในพระราชวังของราชาแห่งบาบิโลน¡¯ ¡± ๘ แล้วเฮเซคียาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า ¡°พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งท่านกล่าวนั้นดี¡± เพราะพระองค์ทรงดำริว่า ¡°จะมีสวัสดิภาพและความปลอดภัย ในวันเวลาของเรา¡±


III ความรอด 40-66
A. ความรอด 40-48
1. ความหวังของความรอด 40
1.1 การปกครองของพระยาห์เวห์ 1-11
๑ พระเจ้าของพวกท่านตรัสว่า
¡°จงชูใจ จงชูใจประชากรของเรา
๒ จงพูดกับเยรูซาเล็มอย่างเห็นใจ
และจงบอกเมืองนั้นว่า
¡®ความลำบาก๑ ของเธอสิ้นสุดลงแล้ว
และบาปของเธอได้รับการอภัยแล้ว๒
และเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์
เป็นสองเท่าของความผิดของเธอแล้ว¡¯ ¡± ๓ เสียงหนึ่งร้องว่า
¡°จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร
จงทำทางหลวงในที่ราบแห้งแล้งให้ตรงสำหรับพระเจ้าของเรา
๔ หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมสูงขึ้น๓
ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะปรับให้ต่ำลง
ที่ลุ่มๆ ดอนๆ จะทำให้เสมอ
และที่สูงๆ ต่ำๆ จะให้ราบเรียบ
๕ และพระสิริของพระยาห์เวห์จะปรากฏ
แล้วมนุษย์ทุกคนจะมองเห็นด้วยกัน
เพราะพระโอษฐ์๔ ของพระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว¡±
๖ มีเสียงหนึ่งกล่าวว่า ¡°จงร้องสิ¡±
และข้าพเจ้า๕ ว่า¡°ข้าจะร้องอะไร?¡±
มนุษย์ทุกคนก็เป็นเหมือนต้นหญ้า
และสง่าราศี๖ ทั้งหมดของเขาก็เหมือนดอกไม้ในทุ่ง
๗ ต้นหญ้าก็เหี่ยวแห้ง และดอกไม้ก็ร่วงโรย
เมื่อพระปัสสาสะ๗ ของพระยาห์เวห์เป่ามาถูกมัน
แน่ทีเดียว มนุษยชาตินั้นคือต้นหญ้า
๘ ต้นหญ้าก็เหี่ยวแห้ง และดอกไม้ก็ร่วงโรย
แต่พระวจนะพระเจ้าของเราจะยั่งยืนเป็นนิตย์
๙ เจ้าจงขึ้นไปบนภูเขาสูง
โอ ศิโยนผู้นำข่าวดี๘
จงเปล่งเสียงของเจ้าด้วยเต็มกำลัง
โอ เยรูซาเล็มผู้นำข่าวดี๙
จงเปล่งเสียงเถิด อย่ากลัวเลย
จงพูดกับเมืองทั้งหลายของยูดาห์ว่า
¡°ดูเถิด พระเจ้าของพวกเจ้า¡±
๑๐ ดูสิ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายเสด็จมาด้วยอานุภาพ
และพระกรของพระองค์ครอบครองเพื่อพระองค์
นี่แน่ะ รางวัลของพระองค์ก็อยู่กับพระองค์
และค่าตอบแทนของพระองค์ก็อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์
๑๑ พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงแกะ
พระองค์จะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ด้วยพระกรของพระองค์
พระองค์จะทรงอุ้มไว้ที่พระทรวง
และจะค่อยๆ นำแม่แกะที่มีลูกอ่อน


1.2 พระยาห์เวห์เป็น พระเจ้าแท้ 12-31
๑๒ ใครตวงน้ำทั้งหลายด้วยอุ้งมือของตน
และวัดฟ้าสวรรค์ด้วยคืบเดียว
ทั้งบรรจุผงคลีของแผ่นดินโลกไว้ในถังตวง?
ใครชั่งภูเขาทั้งหลายด้วยตาชั่ง
และชั่งบรรดาเนินเขาด้วยตราชู?
๑๓ ใครให้คำแนะนำแก่พระวิญญาณของพระยาห์เวห์
หรือเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ผู้ให้คำสอนแก่พระองค์?
๑๔ ใครที่พระองค์ทรงต้องปรึกษาเพื่อจะรู้แจ้ง
และใครสอนทางแห่งความยุติธรรมให้พระองค์?
ใครสอนความรู้แก่พระองค์
และสำแดงให้พระองค์รู้ทางแห่งความเข้าใจ?
๑๕ นี่แน่ะ บรรดาประชาชาติก็เหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง
และถือว่าเป็นเหมือนฝุ่นบนตาชู
ดูสิ พระองค์ทรงหยิบเกาะทั้งหลายขึ้นมาเหมือนผงคลี
๑๖ เลบานอนไม่พอเป็นฟืน
และสัตว์ป่าของมันก็ไม่พอเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว
๑๗ สำหรับพระองค์ ประชาชาติทั้งหมดก็เหมือนไม่มีอะไรเลย
พระองค์ทรงนับเขาเป็นยิ่งกว่าศูนย์และความว่างเปล่า
๑๘ ท่านทั้งหลายจะเปรียบพระเจ้าเหมือนกับใคร
หรือเปรียบพระองค์คล้ายกับอะไร?
๑๙ คล้ายรูปเคารพที่ช่างหล่อไว้
แล้วช่างทองทำทองหุ้ม
และทำสร้อยเงินให้หรือ?
๒๐ คนยากจนก็หาเครื่องบูชา
เป็นไม้ที่ไม่ผุ๑๐
เขาเสาะหาช่างที่มีฝีมือ
ให้ตั้งมันขึ้นมาเป็นรูปเคารพที่ไม่สั่นคลอน
๒๑ พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านเคยได้ยินไม่ใช่หรือ?
พวกท่านได้รับการบอกกล่าวตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือ?
ท่านไม่เข้าใจเรื่องรากฐาน๑๑ ของแผ่นดินโลกหรือ?
๒๒ คือพระองค์ประทับเหนือหลังคาโค้งของแผ่นดินโลก
และชาวแผ่นดินโลกก็เป็นเหมือนตั๊กแตน
พระองค์ทรงขึงฟ้าสวรรค์เหมือนขึงม่าน
และกางมันออกเหมือนเต็นท์สำหรับอาศัย
๒๓ ผู้ทรงทำให้เจ้านายเป็นเหมือนไม่มีอะไรเลย
และทรงทำให้ผู้ครอบครองแผ่นดินโลกเป็นเหมือนความว่างเปล่า
๒๔ พวกเขายังไม่ทันจะถูกปลูก ยังไม่ทันจะถูกหว่าน
ต้นของเขายังไม่ทันจะหยั่งรากลงพื้นดิน
เมื่อพระองค์ทรงเป่าบนพวกเขา เขาก็เหี่ยวแห้งไป
และพายุก็พัดพาเขาไปเหมือนตอข้าว
๒๕ องค์บริสุทธิ์ตรัสว่า ¡°พวกเจ้าจะเปรียบเรากับผู้ใด?
และมีใครที่เสมอเหมือนเรา?¡±
๒๖ จงเงยตาของพวกท่านขึ้น แล้วมองดูว่า
ใครสร้างสิ่งเหล่านี้?
พระองค์ทรงนำพวกมันออกมาเป็นกลุ่มๆ ตามจำนวน
เรียกชื่อของมันทั้งหมด
เพราะพลังของพระองค์นั้นมีมากมาย
และกำลังของพระองค์นั้นใหญ่หลวงนัก
จึงไม่ขาดหายไปแม้แต่ดวงเดียว
๒๗ โอ ยาโคบเอ๋ย ทำไมท่านจึงกล่าวว่า
อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงพูดว่า
¡°ทางของข้าพเจ้าถูกปิดไว้จากพระยาห์เวห์
และความยุติธรรมที่ควรเป็นของข้าพเจ้านั้นก็ผ่านพระเจ้าของข้าพเจ้าไป?¡±
๒๘ ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านเคยได้ยินไม่ใช่หรือ?
พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์
เป็นผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก
พระองค์ไม่ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย
ความเข้าใจของพระองค์ก็เหลือจะหยั่งรู้ได้
๒๙ พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย
และผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก
๓๐ แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย
และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว
๓๑ แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่
เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี
เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย
เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย



2. การประกฎตัวของผู้ช่วยเหลือ 41
2.1 การประกฎตัวของผู้ช่วยเหลือ 1-7
๑ โอ แผ่นดินชายทะเล จงนิ่งเงียบต่อเรา
จงให้ชนชาติทั้งหลายฟื้นกำลังขึ้นใหม่
ให้พวกเขาเข้ามาใกล้ แล้วให้เขาพูด
ให้เราเข้ามาใกล้ด้วยกันเพื่อการพิพากษา
๒ ใครได้เร้าใจคนหนึ่งมาจากตะวันออก
และเรียกท่านด้วยความชอบธรรมมายังพระบาทพระองค์?๑
ทั้งมอบบรรดาประชาชาติให้แก่ท่าน
ท่านจึงเหยียบบรรดากษัตริย์ไว้ใต้เท้า
ท่านทำให้พวกเขาเหมือนผงคลีด้วยดาบของท่าน
และเหมือนตอข้าวที่ถูกลมพัดด้วยคันธนูของท่าน
๓ ท่านไล่ตามพวกเขาและผ่านเขาไปอย่างปลอดภัย
ตามทางที่เท้าของท่านไม่เคยเหยียบ
๔ ใครได้ประกอบกิจและทำเช่นนี้
ที่เรียกชาติพันธุ์ทั้งหลายออกมาตั้งแต่ปฐมกาล?
คือตัวเรายาห์เวห์ ผู้เป็นเบื้องต้น และเป็นเบื้องปลาย
เราคือผู้นั้น
๕ แผ่นดินชายทะเลเห็นแล้วก็กลัว
ปลายแผ่นดินโลกก็สั่นเทา
เขาทั้งหลายมาใกล้และเข้ามาแล้ว
๖ แต่ละคนช่วยเพื่อนบ้านของตน
และพูดกับพี่น้องของตนว่า ¡°จงเข้มแข็ง¡±
๗ ช่างฝีมือก็หนุนใจช่างทอง
ผู้ใช้ค้อนทุบให้เรียบก็หนุนใจผู้ตีทั่ง
พูดเรื่องการบัดกรี๒ ว่า ¡°ดีแล้ว¡±
และเขาก็ทำให้มันมั่นคงด้วยตะปูเพื่อไม่ให้มันเลื่อน


2.2 สัญญาความรอดของพระยาห์เวห์ 8-20
๘ แต่เจ้า อิสราเอล ผู้รับใช้ของเรา
ยาโคบผู้ซึ่งเราเลือกไว้
เชื้อสายของอับราฮัมสหายของเรา
๙ เจ้าผู้ที่เรานำมาจากปลายแผ่นดินโลก
และเรียกมาจากที่ไกลสุดของโลก
แล้วพูดกับเจ้าว่า ¡°เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้เลือกเจ้าและไม่ปฏิเสธเจ้า¡±
๑๐ อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า
เราจะเสริมกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า
เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา
๑๑ นี่แน่ะ ทุกคนที่โกรธเคืองเจ้า
จะต้องอายและอดสู
คนทั้งหลายที่ต่อสู้กับเจ้า
จะกลายเป็นศูนย์และพินาศไป
๑๒ เจ้าจะค้นคนที่ต่อสู้กับเจ้า
แต่เจ้าจะไม่พบเขา
ผู้ทำสงครามกับเจ้า
จะกลายเป็นศูนย์และไม่เหลืออยู่
๑๓ เพราะเราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
เราฉวยมือขวาของเจ้าไว้
คือเราที่พูดกับเจ้าว่า ¡°อย่ากลัวเลย
เราเองจะช่วยเจ้า¡±
๑๔ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°อย่ากลัวเลย เจ้าหนอนยาโคบ
เจ้าอิสราเอลผู้เล็กน้อย
เราเองจะช่วยเจ้า
ผู้ไถ่ของเจ้าคือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
๑๕ ดูสิ เราจะทำเจ้าให้เป็นเลื่อนนวดข้าว
ทั้งใหม่ ทั้งคม และมีฟันหลายๆ อัน
เจ้าจะนวดและบดภูเขา
และเจ้าจะทำให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ
๑๖ เจ้าจะฝัดร่อนพวกมัน แล้วลมจะพัดมันไปเสีย
และพายุจะกระจายพวกมัน
เจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระยาห์เวห์
เจ้าจะอวดอ้างในองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
๑๗ คนจนและคนขัดสนแสวงหาน้ำ
แต่ไม่พบ
และลิ้นของเขาก็แห้งผากด้วยความกระหาย
เรา ยาห์เวห์ จะตอบพวกเขาเอง
เรา พระเจ้าของอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งเขา
๑๘ เราจะเปิดแม่น้ำบนที่สูงโล้นทั้งหลาย
และน้ำพุท่ามกลางหุบเขาทั้งปวง
เราจะทำถิ่นทุรกันดารให้เป็นสระน้ำ
และแผ่นดินแห้งแล้งเป็นน้ำพุ
๑๙ เราจะใส่ต้นสนสีดาร์ไว้ในถิ่นทุรกันดาร
ทั้งต้นกระถินเทศ ต้นน้ำมันเขียวและต้นมะกอก
เราจะวางต้นสนสามใบไว้ในที่ราบแห้งแล้ง
ด้วยกันกับต้นสนเขาและต้นช้องรำพัน
๒๐ เพื่อคนทั้งหลายจะเห็นและรับรู้
เขาจะใคร่ครวญและเข้าใจด้วยกัน
ว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ทรงทำการนี้
องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้สร้างสิ่งนี้


2.3 ความไม่มีอะไรของรูปเครารบ 21-29
๒๑ พระยาห์เวห์ตรัสว่า จงนำคดีของเจ้ามา
กษัตริย์ของยาโคบตรัสว่า จงเอาข้อพิสูจน์ของเจ้ามา
๒๒ ให้พวกเขาเอามา และบอกพวกเราว่า
จะเกิดอะไรขึ้น
จงบอกว่าสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วมีอะไรบ้าง
เพื่อเราจะพิจารณาสิ่งเหล่านั้น
แล้วทราบถึงผลที่ตามมาของสิ่งเหล่านั้น
หรือพูดให้พวกเราฟังถึงสิ่งที่จะบังเกิดมา
๒๓ จงบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เพื่อพวกเราจะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นพระ
เออ จงให้สิ่งดีหรือสิ่งร้าย
เพื่อพวกเราจะจ้องและมองดูพร้อมกัน๓
๒๔ นี่แน่ะ เจ้าเป็นเหมือนความว่างเปล่า
และการงานของเจ้าก็ว่างเปล่า
ผู้เลือกเจ้าก็เป็นที่น่าเกลียดน่าชัง
๒๕ เราได้เร้าใจผู้หนึ่งจากทิศเหนือและเขามาแล้ว
จากที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เขาจะออกนามของเรา
เขาจะมาเหนือผู้ครอบครองเหมือนเหยียบปูน
เหมือนช่างปั้นหม้อย่ำดินเหนียว
๒๖ ใครบอกไว้ตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อเราจะทราบ
หรือบอกล่วงหน้าเพื่อเราจะพูดว่า ¡°ถูกแล้ว¡±?
เออ ไม่มีใครบอก ไม่มีใครประกาศ
เออ ไม่มีใครได้ยินถ้อยคำของเจ้า
๒๗ เราเป็นผู้แรกที่กล่าวกับศิโยนว่า๔ ¡°จงดูเถิด จงดูพวกเขา¡±
และให้ผู้นำข่าวไปยังเยรูซาเล็ม
๒๘ แต่เมื่อเรามองดูก็ไม่พบใคร
ไม่มีที่ปรึกษาในหมู่คนพวกนี้
คือคนที่ให้คำตอบได้เมื่อเราถาม
๒๙ นี่แน่ะ พระทั้งหมดล้วนเป็นศูนย์๕
กิจการของพวกมันก็ไม่มีอยู่
รูปเคารพหล่อของพวกมันก็เป็นแต่ลมและความว่างเปล่า

3. ผู้ช่วยเหลือ คือ ทาสของพระยาห์เวห์ 42
3.1 การแนะนำทาสของพระยาห์เวห์ 1-9
๑ ดูสิ ผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู
ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี
เราเอาวิญญาณของเราใส่ไว้บนท่าน
ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปยังบรรดาประชาชาติ
๒ ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียงของท่าน
หรือทำให้เสียงของท่านได้ยินตามถนน
๓ ไม้อ้อช้ำแล้ว ท่านจะไม่หัก
และไส้ตะเกียงริบหรี่นั้น ท่านจะไม่ดับ
ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความซื่อสัตย์
๔ ท่านจะไม่อ่อนล้า๑ หรือชอกช้ำ
จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก
และแผ่นดินชายทะเลรอคอยธรรมบัญญัติของท่าน
๕ พระยาห์เวห์พระเจ้า
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมันไว้
ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดออกมาจากโลก
ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก
และประทานวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า
๖ ¡°เราคือยาห์เวห์ เราเรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม
เราฉวยมือเจ้าและรักษาเจ้าไว้
เราให้เจ้าเป็นเหมือนพันธสัญญาแก่มนุษยชาติ
และเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
๗ เพื่อเปิดตาคนตาบอดทั้งหลาย
เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกจากคุก
นำผู้นั่งในความมืดออกจากเรือนจำ
๘ เราคือยาห์เวห์ นั่นเป็นนามของเรา
เราไม่ให้สง่าราศีของเราแก่ผู้อื่น
หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก
๙ ดูสิ สิ่งล่วงเลยมาแล้วนั้นก็สำเร็จ
และเราก็ประกาศถึงสิ่งใหม่ๆ
ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะบังเกิดขึ้น
เราได้เล่าให้ฟังแล้ว¡±


3.2 ผู้ช่วยเหลือของอิสราเอล 10-17
๑๐ จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากปลายแผ่นดินโลก
พวกท่านที่ไปตามทะเล และบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น
ทั้งแผ่นดินชายทะเลและพวกอาศัยอยู่ที่นั่น
๑๑ จงให้ถิ่นทุรกันดารและเมืองในนั้นเปล่งเสียง
ทั้งชนบทที่ชาวเคดาร์อาศัยอยู่
จงให้ผู้อาศัยของเส-ลาร้องเพลงด้วยความชื่นบาน
ให้พวกเขาโห่ร้องมาจากยอดเขา
๑๒ ให้พวกเขาถวายพระสิริแด่พระยาห์เวห์
และถวายสรรเสริญพระองค์ในแผ่นดินชายทะเล
๑๓ พระยาห์เวห์จะเสด็จออกไปอย่างผู้กล้า
พระองค์ทรงเร้าความกระตือรือร้นขึ้นอย่างนักรบ
พระองค์ทรงร้อง พระองค์ทรงโห่ดัง
พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพต่อปฏิปักษ์ของพระองค์
๑๔ เราเงียบมานานแล้ว
เรานิ่งอยู่และเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้
บัดนี้เราจะร้องออกมาเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดลูก
เราจะหายใจถี่และหอบ
๑๕ เราจะทำให้ภูเขาและเนินเขาเป็นที่ร้าง
และให้พืชและหญ้าของมันเหี่ยวแห้งทั้งหมด
เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นชายฝั่งทะเล
และทำให้สระน้ำแห้งไป
๑๖ เราจะนำคนตาบอดทั้งหลาย
ไปในทางที่เขาทั้งหลายไม่รู้จัก
เราจะพาเขาเดินไป
ในวิถีที่เขาไม่รู้จัก
เราจะให้ความมืดข้างหน้าพวกเขากลับเป็นความสว่าง
ทำที่ขรุขระให้เป็นที่ราบ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะทำ
และเราจะไม่ละเลยสิ่งเหล่านี้
๑๗ พวกเขาจะหันกลับ และต้องขายหน้าอย่างที่สุด
คือพวกที่วางใจในรูปแกะสลัก
พวกที่พูดกับรูปหล่อด้วยโลหะว่า
¡°ท่านทั้งหลายเป็นพระของพวกเรา¡±


3.3 การแนะนำแก่เชลย 18-25
๑๘ จงฟังสิ พวกเจ้าคนหูหนวก
และจงมองดูสิ พวกเจ้าคนตาบอด เพื่อจะได้เห็น
๑๙ ใครเป็นคนตาบอด ถ้าไม่ใช่ผู้รับใช้ของเรา?
หรือใครหูหนวกเช่นเดียวกับทูตของเราที่เราใช้ไป?
ใครตาบอดเช่นเดียวกับผู้ผูกพันกับเรา?
หรือตาบอดเช่นเดียวกับผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์?
๒๐ เจ้าเห็นหลายอย่าง แต่ไม่ได้สังเกต
หูของเจ้าผึ่ง แต่ไม่ได้ยิน
๒๑ พระยาห์เวห์พอพระทัยเพราะเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์
ที่จะทำให้ธรรมบัญญัตินั้นยิ่งใหญ่และมีเกียรติ
๒๒ แต่นี่เป็นประชาชนที่ถูกริบและถูกปล้น
เขาทุกคนติดกับดักอยู่ในหลุม
และซ่อนตัวอยู่ในเรือนจำ
เขาตกเป็นของริบโดยไม่มีใครช่วยให้รอด
ถูกปล้นโดยไม่มีใครพูดว่า ¡°คืนให้สิ¡±
๒๓ มีใครในพวกท่านจะเงี่ยหูฟังเรื่องนี้?
หรือจะตั้งใจรับฟังในภายหน้า?
๒๔ ใครมอบยาโคบให้แก่ผู้ปล้น
และอิสราเอลให้แก่ผู้ริบ?
คือพระยาห์เวห์ผู้ที่เราทำบาปต่อพระองค์ไม่ใช่หรือ?
ด้วยพวกเขาไม่ยอมดำเนินในทางของพระองค์
ทั้งไม่เชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระองค์
๒๕ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเทพระพิโรธรุนแรงลงมาบนเขา
รวมทั้งความน่ากลัวของสงคราม
มันทำให้เขาติดไฟรอบๆ ตัว แต่เขายังไม่เข้าใจ
มันไหม้เขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ




4. การกลับสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 43-44
4.1 ความรอดของพระยาห์เวห์ 43
(1) การยืนยันของความรอด 1-7
๑ แต่บัดนี้ ยาโคบเอ๋ย พระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างท่าน
อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ผู้ทรงปั้นท่านตรัสดังนี้ว่า
¡°อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว
เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา
๒ เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า
และเมื่อข้ามแม่น้ำ มันจะไม่ท่วมเจ้า
เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ถูกไหม้
และเปลวเพลิงจะไม่เผาเจ้า
๓ เพราะเราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้า
องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า
ให้คูชและเสบาเพื่อแลกกับเจ้า
๔ เพราะว่าเจ้ามีค่าในสายตาของเรา
เจ้าได้รับเกียรติและเราเองรักเจ้า
เราจึงให้คนเพื่อแลกกับเจ้า
และให้ชนทั้งหลายเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้า
๕ อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
เราจะนำลูกหลานของเจ้ามาจากตะวันออก
และเราจะรวบรวมเจ้ามาจากตะวันตก
๖ เราจะพูดกับทิศเหนือว่า จงคืนให้
และกับทิศใต้ว่า อย่ายึดไว้
จงนำบุตรชายของเรามาจากแดนไกล
และบุตรสาวของเราจากปลายแผ่นดินโลก
๗ คือทุกคนที่ถูกขนานนามตามชื่อของเรา
และผู้ที่เราสร้างเพื่อพระสิริของเรา
คือผู้ที่เราปั้นและทำขึ้นมา¡±


(2) พยานบุคคลของความรอด 8-13
๘ จงนำประชาชนที่ตาบอดแต่ยังมีตา
และที่หูหนวกแต่ยังมีหู ออกมา
๙ ให้ประชาชาติทั้งหมดประชุมพร้อมกัน
และให้ชนชาติทั้งหลายชุมนุมกัน
มีใครในพวกเขาที่แจ้งสิ่งนี้ได้?
และเล่าสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วให้เราฟังได้?
ให้พวกเขานำสักขีพยานของเขามาพิสูจน์ว่าเขาถูกต้อง
และให้พวกเขาฟังและพูดว่า ¡°เป็นความจริง¡±
๑๐ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ¡°เจ้าทั้งหลายเป็นสักขีพยานของเรา
และเป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราเลือกไว้
เพื่อเจ้าจะรู้จักและเชื่อถือเรา
และเข้าใจว่าเราเป็นผู้นั้นแหละ
ก่อนหน้าเราไม่มีเทพเจ้าใดถูกปั้นขึ้น
และภายหลังเราก็จะไม่มี
๑๑ เรา เราเองคือยาห์เวห์
และนอกจากเรา ไม่มีพระผู้ช่วยให้รอด
๑๒ เราแจ้งให้ทราบและช่วยให้รอด ทั้งประกาศให้รู้
ไม่มีพระเจ้าอื่นในหมู่พวกเจ้า
และพวกเจ้าเป็นสักขีพยานของเรา เราคือพระเจ้า¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
๑๓ ¡°ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่นิรันดร์กาล๑ เราเป็นผู้นั้น
ไม่มีใครช่วยจากมือของเราได้
เราทำการใด ใครจะเปลี่ยนแปลงได้อีก?¡±


(3) ความรอดโดยงานใหม่ 14-21
๑๓ ¡°ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่นิรันดร์กาล๑ เราเป็นผู้นั้น
ไม่มีใครช่วยจากมือของเราได้
เราทำการใด ใครจะเปลี่ยนแปลงได้อีก?¡±
๑๔ พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของพวกท่าน
องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
¡°เพื่อเห็นแก่เจ้า เราจะส่งไปยังบาบิโลน
และเราจะนำพวกเขาทุกคนมาเป็นผู้ลี้ภัย
คือพวกเคลเดียมาในเรือที่เขาทั้งหลายเคยภูมิใจ๒
๑๕ เราคือยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ของพวกเจ้า
เป็นผู้สร้างของอิสราเอล เป็นกษัตริย์ของพวกเจ้า¡±
๑๖ พระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างทางในทะเล
และทรงสร้างวิถีในน้ำที่มีอานุภาพอย่างยิ่ง
๑๗ ผู้ทรงนำรถรบและม้า
กองทัพ และนักรบออกมา
เขาทั้งหลายนอนลงด้วยกันและลุกขึ้นไม่ได้
พวกเขาสูญสิ้นไปและดับเหมือนไส้ตะเกียง
๑๘ พระองค์ตรัสดังนี้ว่า ¡°อย่าจดจำสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วนั้น
อย่าพิเคราะห์เรื่องในอดีต
๑๙ นี่แน่ะ เรากำลังทำสิ่งใหม่ๆ
บัดนี้ มันงอกขึ้นมา เจ้าไม่เห็นหรือ?
และเราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร
และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
๒๐ สัตว์ในป่าทุ่งจะให้เกียรติเรา
คือหมาป่าและนกกระจอกเทศ
เพราะว่าเราให้น้ำในถิ่นทุรกันดาร
และให้แม่น้ำในที่แห้งแล้ง
เพื่อให้น้ำดื่มแก่ชนชาติผู้ที่เราเลือกสรร
๒๑ คือชนชาติที่เราปั้นเพื่อเราเอง
เพื่อเขาจะกล่าวคำสรรเสริญเรา


(4) ติเตียนไม่มีความเชื่อของอิสราเอล 22-28
๒๒ ¡°ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เราที่เจ้าเรียกหา โอ ยาโคบ
คือเจ้าไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเพื่อเราเลย โอ อิสราเอล
๒๓ เจ้าไม่ได้นำแพะแกะที่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวมายังเรา
หรือให้เกียรติเราด้วยเครื่องบูชาของเจ้า
เราไม่ได้ให้เจ้าแบกภาระเรื่องธัญบูชา
หรือให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องกำยาน
๒๔ เจ้าไม่ได้เอาเงินซื้อตะไคร้๓ ให้เรา
หรือให้เราพอใจด้วยไขมันเครื่องบูชาของเจ้า
แต่เจ้าได้ให้เราแบกภาระเรื่องบาปของเจ้า
เจ้าให้เราเหน็ดเหนื่อยด้วยเรื่องความผิดของเจ้า
๒๕ ¡°เรา เราเองคือผู้นั้น
ผู้ลบล้างการทรยศของเจ้าด้วยเห็นแก่เราเอง
และเราจะไม่จดจำบาปของเจ้า
๒๖ จงฟื้นความจำให้เรา ให้พวกเรามาโต้แย้งกัน
เจ้าจงให้การเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าถูก
๒๗ บรรพบุรุษ๔ คนแรกของเจ้าทำบาป
และคนกลางของเจ้าทรยศเรา
๒๘ ดังนั้น เราทำให้เจ้านายของสถานศักดิ์สิทธิ์เป็นมลทิน
เรามอบยาโคบให้ถูกทำลายถวาย๕
และมอบอิสราเอลให้แก่การถูกกล่าวหยาบช้า¡±



4.2 การกลับเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 44
(1) การกลับเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 1-5
๑ แต่บัดนี้ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลผู้ที่เราเลือกสรร จงฟังเถิด
๒ พระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างเจ้า
ผู้ทรงปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ และจะทรงช่วยเจ้า ตรัสดังนี้ว่า
¡°อย่ากลัวเลย ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เยชูรูน๑ ผู้ที่เราเลือกสรร
๓ เพราะเราจะเทน้ำลงบนแผ่นดินที่กระหาย
และลำธารลงบนพื้นดินแห้ง
เราจะเทวิญญาณของเราบนเชื้อสายของเจ้า
และเทพรของเราบนลูกหลานของเจ้า
๔ เขาทั้งหลายจะงอกขึ้นมาท่ามกลางต้นหญ้า๒
เหมือนต้นหลิวข้างลำธารน้ำไหล
๕ คนนี้จะพูดว่า ¡®ข้าเป็นของพระยาห์เวห์¡¯
และอีกคนหนึ่งจะเรียกชื่อตนด้วยนามของยาโคบ
และอีกคนหนึ่งจะเขียนบนมือของเขาว่า ¡®เป็นของพระยาห์เวห์¡¯
และขนานนามด้วยนามของอิสราเอล¡±


(2) พระยาห์เวห์ และ รูปเคารพ 6-20
๖ พระยาห์เวห์ พระมหากษัตริย์ของอิสราเอล
และพระผู้ไถ่ของเขา พระยาห์เวห์จอมทัพ ตรัสดังนี้ว่า
¡°เราเป็นเบื้องต้นและเราเป็นเบื้องปลาย
นอกจากเราแล้วไม่มีพระเจ้า
๗ ใครเป็นเหมือนเรา? จงให้เขาป่าวร้อง
ให้เขาแจ้งให้ทราบและให้เขาลำดับเรื่องให้เรา
ตั้งแต่เราสถาปนาประชาชนโบราณ
และให้เขาแจ้งแก่พวกเขาถึงสิ่งที่จะมาและสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นนั้น
๘ อย่ากลัวเลย และอย่าหวาดหวั่น
เราเล่าให้เจ้าฟังตั้งแต่ดึกดำบรรพ์และแจ้งให้ทราบแล้วไม่ใช่หรือ?
และเจ้าทั้งหลายเป็นสักขีพยานของเรา
มีพระเจ้าอื่นอีกนอกจากเราหรือ?
ไม่มีพระศิลาอื่น เราไม่เคยรู้จักเลย¡±
๙ พวกปั้นรูปเคารพล้วนเป็นความว่างเปล่า และสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบนั้นก็ไม่เป็นผลกำไร บรรดาสักขีพยานของพวกเขานั้นก็ไม่อาจจะเห็นและไม่อาจจะรู้ เพื่อพวกเขาจะได้อับอาย ๑๐ ใครปั้นพระหรือหล่อรูปเคารพที่ไม่เป็นประโยชน์อะไร? ๑๑ ดูซิ ทุกคนที่เป็นพวกเดียวกับเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นเพียงมนุษย์ จงให้เขาทุกคนชุมนุมกัน ให้เขายืนขึ้น ให้เขาสยดสยอง และให้เขาอับอายด้วยกัน
๑๒ ช่างเหล็กทำงานอยู่เหนือก้อนถ่านด้วยเครื่องมือ และขึ้นรูปด้วยค้อนและทำด้วยแขนที่มีกำลังของเขา เออเขาหิวและกำลังของเขาหมดลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย และเขาอ่อนเปลี้ย ๑๓ ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาวาดโครงด้วยดินสอ เขาแต่งมันด้วยสิ่ว และวาดโครงด้วยวงเวียน เขาทำให้มันเหมือนรูปคนตามความงามของมนุษย์เพื่อให้มันอยู่ในเรือน ๑๔ เขาตัดต้นสนสีดาร์มาให้กับตัวเอง เขาเลือกต้นสนฉัตร หรือต้นโอ๊ก๓ เขาปลูกมันไว้อย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นเทพทาโร๔ และฝนทำให้มันเติบโต ๑๕ แล้วมันก็กลายเป็นเชื้อเพลิงของคน และเขาเอามันมาส่วนหนึ่งและใช้มันอุ่นตัว เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง และเขาเอามันมาทำรูปพระรูปหนึ่งแล้วนมัสการมันด้วย เขาทำเป็นรูปเคารพและกราบรูปนั้น ๑๖ ครึ่งหนึ่งของไม้นั้นเขาเผาในกองไฟ บนครึ่งนี้เขาย่างและกินเนื้อย่างจนอิ่ม และเขาก็อบอุ่นด้วย แล้วพูดว่า ¡°เอ้อ ข้าอุ่นจัง ข้าเห็นเปลวไฟแล้ว¡± ๑๗ และไม้ที่เหลือนั้นเขาทำเป็นรูปพระรูปหนึ่ง คือเป็นรูปเคารพของเขา เขากราบลงต่อรูปนั้นและนมัสการมัน และอธิษฐานต่อรูปนั้นและกล่าวว่า ¡°ขอทรงช่วยข้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระของข้าพระองค์¡±
๑๘ เขาทั้งหลายไม่รู้ และเขาไม่เข้าใจ เพราะตาของพวกเขาถูกปิด เขาจึงไม่เห็นอะไร และใจของเขาก็ถูกปิด เขาจึงไม่เข้าใจ ๑๙ ไม่มีใครกลับมาคิดเลย และไม่มีความรู้หรือวิจารณญาณที่จะพูดว่า ¡°ข้าเผาครึ่งหนึ่งของมันในกองไฟ แล้วข้าก็เอาถ่านของมันมาปิ้งขนมปัง และข้าย่างเนื้อกินแล้ว ควรที่ข้าจะทำส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง และควรที่ข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้จากต้นนั้นหรือ? ๒๐ เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกลวงนำเขาให้หลง เขาช่วยกู้ตัวเขาเองไม่ได้และไม่สามารถพูดว่า ¡°มีการล่อลวงอยู่ในมือขวาของข้าไม่ใช่หรือ?¡±


(3) ความตั้งใจเข้าสู่สภาพเดิม 21-28
๒๑ จงจำสิ่งเหล่านี้ไว้ โอ ยาโคบเอ๋ย
เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา โอ อิสราเอล
เราได้ปั้นเจ้า เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
๒๒ เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ
และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก
จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว
๒๓ โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำการนี้
ห้วงลึกของแผ่นดินโลกเอ๋ย จงโห่ร้อง
ภูเขาเอ๋ย จงร้องเป็นเพลงออกมา
ป่าไม้และต้นไม้ทุกต้นในนั้นด้วย
เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงไถ่ยาโคบ
และจะทรงได้รับเกียรติในอิสราเอล
๒๔ พระยาห์เวห์ผู้ไถ่ของเจ้า
ผู้ปั้นเจ้าตั้งแต่ในครรภ์ ตรัสดังนี้ว่า
¡°เราคือยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง
ผู้ขึงฟ้าสวรรค์แต่ลำพัง
ผู้กางแผ่นดินโลกด้วยตัวเอง๕
๒๕ ผู้ทำให้ลางของคนโกหกไม่ขลัง
และทำให้คนทำนายบ้าๆ บอๆ
ผู้หันคนฉลาดให้กลับหลัง
และทำให้ความรู้ของเขาโง่เขลาไป
๒๖ ผู้รับรองถ้อยคำของผู้รับใช้ของพระองค์
และให้แผนงานของทูตของพระองค์สัมฤทธิ์ผล
ผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ¡®จะมีคนอาศัยอยู่¡¯
และถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ¡®จะถูกสร้างขึ้นใหม่
และเราจะยกสิ่งปรักหักพังของมันขึ้น¡¯
๒๗ ผู้กล่าวกับที่ลึกว่า ¡®จงแห้งเสีย
และเราจะให้แม่น้ำทั้งหลายของเจ้าแห้งไป¡¯
๒๘ ผู้กล่าวถึงไซรัสว่า ¡®เขาเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา
และเขาจะทำให้ความมุ่งหมายทุกอย่างของเราสำเร็จ¡¯
ด้วยการกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ¡®จะถูกสร้างขึ้นใหม่¡¯
และกล่าวถึงพระวิหารว่า ¡®จะได้รับการวางรากฐาน¡¯ ¡±



5. ความรอดโดยไซรัส 45
5.1 ความรอดโดยไซรัส 1-8
๑ พระยาห์เวห์ตรัสกับผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ คือไซรัส
ผู้ซึ่งเราทำให้มือขวาของเขาแข็งแกร่ง
เพื่อปราบบรรดาประชาชาติที่อยู่ข้างหน้าเขา
และปลดเจียระบาด๑ จากบั้นเอวของพระราชาทั้งหลาย
เพื่อเปิดประตูที่อยู่ข้างหน้าเขา
และประตูจะไม่ถูกปิดอีก
๒ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°เราเองจะไปข้างหน้าเจ้า
และทำให้ภูเขา๒ เป็นที่ราบ
เราจะพังประตูทองสัมฤทธิ์ให้เป็นชิ้นๆ
และตัดลูกกรงเหล็กให้ขาด
๓ เราจะให้ทรัพย์สมบัติในที่มืดแก่เจ้า
และให้ขุมทรัพย์ในที่ลี้ลับ
เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
พระเจ้าของอิสราเอล ผู้เรียกเจ้าตามชื่อของเจ้า
๔ เพื่อเห็นแก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
และอิสราเอลผู้เลือกสรรของเรา
เราจึงเรียกเจ้าตามชื่อของเจ้า
เราให้นามสกุลเจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
๕ เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้า
เราคาดอาวุธ๓ ให้เจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
๖ เพื่อว่าคนจะรู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้น
และจากที่ตะวันตกว่าไม่มีใครนอกจากเรา
เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
๗ เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด
เราทำให้เกิดสวัสดิภาพและสร้างความวิบัติ
เราคือยาห์เวห์ ผู้ทำสิ่งทั้งหมดนี้
๘ ¡°โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโปรยฝนมาจากเบื้องบน
และให้ท้องฟ้าหลั่งความชอบธรรมลงมา
ให้แผ่นดินโลกเปิดออก และความรอดงอกเงยขึ้น
และให้ความชอบธรรมงอกขึ้นมาด้วย
เรา คือยาห์เวห์ผู้ได้สร้างมัน


5.2 ความรอดของพระเจ้าโดยเด็ดขาด 9-13
๙ ¡°วิบัติแก่ผู้ซึ่งสู้กับผู้ปั้นตัวเขา
แก่หม้อดินอันหนึ่งในบรรดาหม้อดินของแผ่นดิน
ดินเหนียวจะพูดกับผู้ปั้นมันว่า ¡®ท่านกำลังทำอะไร¡¯ เช่นนั้นหรือ?
หรือพูดว่า ¡®ผลงานของท่านไม่มีหูหิ้ว¡¯ อย่างนั้นหรือ?
๑๐ วิบัติแก่ผู้พูดกับบิดาว่า ¡®ท่านให้กำเนิดอะไร?¡¯
หรือพูดกับผู้หญิงว่า ¡®เธอคลอดอะไร?¡¯ ¡±
๑๑ พระยาห์เวห์ องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
พระผู้ปั้นเขาตรัสดังนี้ว่า
¡°เจ้าถามเราเรื่องที่จะมาภายหน้าเกี่ยวกับลูกหลานของเรา
และเกี่ยวกับการงานของมือเรา เจ้าจะสั่งเราเชียวหรือ? ๔
๑๒ เราเองสร้างแผ่นดินโลก
และเนรมิตมนุษย์บนนั้น
เราเองขึงฟ้าสวรรค์ด้วยมือของเรา
และเราบัญชาบริวารทั้งหมดของมัน
๑๓ เราเร่งเร้าผู้นั้น๕ ด้วยความชอบธรรม
และทำทางทั้งหมดของเขาให้ตรง
เขาจะสร้างนครของเรา
และให้เชลยของเราเป็นอิสระ
โดยไม่มีค่าจ้างหรือรางวัล¡±
พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ


5.3 การกลับใจเสียใหม่ของคนต่างชาติ 14-25
๑๔ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°ทรัพย์สมบัติของอียิปต์และสินค้าของชาวคูช
ทั้งของชาวเสบาคนร่างสูง
จะมาหาเจ้าและเป็นของเจ้า
พวกเขาจะเดินตามหลังเจ้า
เขาจะมาหาพร้อมตรวนและกราบเจ้า
พวกเขาจะวิงวอนเจ้าว่า
¡®พระเจ้าสถิตกับท่านแน่แล้ว และไม่มีอื่นใดอีก
ไม่มีพระเจ้าอื่นใด¡¯ ¡±
๑๕ แท้จริงพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์เอง
ข้าแต่พระเจ้าแห่งอิสราเอลพระผู้ช่วยให้รอด
๑๖ พวกเขาต้องอับอายและขายหน้าทุกคน
ผู้สร้างรูปเคารพก็ออกไปด้วยความอดสูพร้อมกัน
๑๗ แต่อิสราเอลจะได้รับการช่วยกู้จากพระยาห์เวห์
ด้วยความรอดเนืองนิตย์
พวกท่านจะไม่อับอายหรือถูกทำให้ขายหน้า
ตลอดไปเป็นนิตย์
๑๘ เพราะพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์
(พระองค์คือพระเจ้า)
ผู้ทรงปั้นแผ่นดินโลกและทำมันไว้
(พระองค์ทรงสถาปนามันไว้
พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างมันให้ว่างเปล่า
พระองค์ทรงปั้นมันไว้ให้มีคนอาศัย) ตรัสดังนี้ว่า
¡°เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
๑๙ เราไม่ได้พูดในที่ลี้ลับ
หรือในแผ่นดินมืด
เราไม่ได้พูดกับพงศ์พันธุ์ของยาโคบว่า
¡®จงแสวงหาเราในความว่างเปล่า¡¯๖
เราคือยาห์เวห์ ผู้พูดความจริง
เราแจ้งสิ่งที่ถูกต้อง
๒๐ ¡°จงรวมตัว และเข้ามา
จงมาใกล้พร้อมกัน พวกเจ้าผู้รอดตาย๗ ของบรรดาประชาชาติ
เขาทั้งหลายไม่มีความรู้
คือพวกเขาที่ยกรูปเคารพไม้ของเขาไป
และอธิษฐานขอต่อพระ
ที่ช่วยเขาให้รอดไม่ได้
๒๑ จงแจ้งเรื่องและนำเข้ามาใกล้
เออ ให้เขาทั้งหลายปรึกษาหารือกัน
ใครเล่าสิ่งนี้ให้ฟังล่วงหน้านานแล้ว?
ใครแจ้งให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล?
คือเราเอง ยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ?
นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก
พระเจ้าผู้ชอบธรรมและช่วยให้รอด
นอกจากเราไม่มีผู้อื่น
๒๒ ¡°ที่สุดปลายแผ่นดินโลกทุกแห่ง
จงหันมาหาเราและรับความรอด
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่น
๒๓ เราปฏิญาณโดยตัวเราเอง
จากปากชอบธรรมของเรา
ถ้อยคำได้ออกไป และจะไม่หวนกลับมา
ว่า ¡®ทุกเข่าจะกราบลงต่อเรา
และทุกลิ้นจะปฏิญาณต่อเรา¡¯
๒๔ ¡°เขาจะพูดถึงเราว่า ¡®แท้จริงในพระยาห์เวห์
มีความชอบธรรมและอานุภาพ
ทุกคนที่แค้นเคืองพระองค์
จะมาหาพระองค์และอับอาย¡¯
๒๕ ในพระยาห์เวห์ พงศ์พันธุ์ทั้งหมดของอิสราเอล
จะมีความชอบธรรมและรับการสรรเสริญ¡±


6. การพิพากษาของบาบิโลน 46-47
6.1 การถูกพีนาดรูปเคารพของบาบิโลน 46
(1) การถูกพีนาดของพระเบลก้ม และ พระเนโบ 1-7
๑ พระเบลก้มต่ำลง พระเนโบก็ค้อมตัวลง
รูปเคารพของพระเหล่านี้๑ อยู่บนสัตว์และบนวัว
สิ่งที่พวกเจ้าแบกอยู่ก็หนักหนา
เป็นภาระบนสัตว์ที่เหนื่อยอ่อน
๒ พวกมันค้อมตัวลงและก้มต่ำลงด้วยกัน
พระเหล่านั้นช่วยกู้ภาระนั้นไม่ได้
พวกมันเองก็ตกไปเป็นเชลย
๓ โอ วงศ์วานของยาโคบเอ๋ย จงฟังเรา
และทุกคนที่เหลืออยู่ในวงศ์วานของอิสราเอล
ผู้ซึ่งเราอุ้มมาตั้งแต่เกิด
แบกมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์
๔ จนกระทั่งเจ้าแก่ เราก็คือผู้นั้น
เราจะอุ้มชูเจ้าจนเจ้าผมหงอก
เราได้สร้าง เราจะแบกไว้
เราจะอุ้มชูและเราจะช่วยกู้
๕ เจ้าจะเปรียบเราเหมือนผู้ใด? และให้เราเท่าเทียมกับใคร?
หรือเปรียบเทียบใครเป็นเหมือนเรา?
๖ พวกที่โกยทองคำออกจากถุง
และชั่งเงินในตาชั่ง
พวกเขาจ้างช่างทองคนหนึ่ง และทำให้เป็นพระ
แล้วเขาทั้งหลายก็กราบลง เออ นมัสการเลย
๗ เขาทั้งหลายยกรูปนั้นขึ้นบ่าแล้วแบกไป
พวกเขาตั้งมันไว้ประจำที่ และมันก็อยู่ที่นั่น
มันไม่สามารถไปจากที่นั้น
เมื่อคนมาร้องขอต่อรูปนั้น มันก็ไม่สามารถตอบสนอง
และไม่อาจช่วยเขาให้รอดจากความยากลำบากของเขา

(2) ต้องพึ่งอาศัยความรอดของพระเจ้า 8-13
๘ จงจำข้อนี้ไว้และตั้งมั่นคง๒
เจ้าพวกคนทรยศ จงคิดคำนึงไว้ในใจ
๙ จงจำสิ่งที่ล่วงเลยมานานแล้ว
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
เราเป็นพระเจ้า และไม่มีใครเป็นเหมือนเรา
๑๐ ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น
และแจ้งสิ่งที่ยังไม่ได้ทำนั้นให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล
ทั้งกล่าวว่า ¡®แผนงานของเราจะยั่งยืน
และเราจะทำทุกสิ่งตามความประสงค์ของเรา¡¯
๑๑ เราเรียกเหยี่ยวมาจากตะวันออก
คือคนที่ทำตามแผนงานของเราจากแดนไกล
เออ เราพูดแล้ว เราจะให้มันเป็นไป
เรามุ่งหมายไว้แล้ว และเราจะทำ
๑๒ จงฟังเรา เจ้าทั้งหลายผู้มีใจดื้อดึง
เจ้าผู้ห่างไกลจากความชอบธรรม
๑๓ เราจะนำความชอบธรรมของเรามาใกล้ มันไม่ไกลเลย
และความรอดของเราจะไม่ชักช้า
เราจะให้ความรอดในศิโยน
และให้ศักดิ์ศรีของเราแก่อิสราเอล

6.2 การถูกพีนาดของบาบิโลน 47
๑ โอ ธิดาพรหมจารีแห่งบาบิโลน
จงลงไป และนั่งในผงคลี
โอ ธิดาเคลเดีย
จงนั่งลงบนพื้นดินโดยไม่มีบัลลังก์
เพราะว่าคนจะไม่เรียกเจ้าอีกว่า
แม่เนื้ออ่อนแม่เนื้อละเอียด
๒ จับโม่เข้า และโม่แป้งซิ
เปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออกเสีย
ถลกกระโปรงของเจ้าขึ้น เปิดขาของเจ้า
จงลุยข้ามน้ำไป
๓ ความเปลือยเปล่าของเจ้าจะถูกเปิดออก
และเขาจะเห็นความน่าอายของเจ้าด้วย
เราจะแก้แค้น
และจะไม่งดเว้นใครเลย
๔ พระผู้ไถ่ของพวกเรา พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
๕ โอ ธิดาของชาวเคลเดีย
จงนั่งในความเงียบ และเข้าไปในความมืด
เพราะคนจะไม่เรียกเจ้าอีกว่า
นางพญาแห่งราชอาณาจักรทั้งหลาย
๖ เรากริ้วชนชาติของเรา
เราทำให้มรดกของเราเป็นมลทิน
เรามอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า
แต่เจ้าไม่ได้แสดงความกรุณาต่อเขา
เจ้าวางแอกอย่างหนัก
ไว้บนบ่าของคนแก่
๗ เจ้าพูดว่า ¡°ข้าจะเป็นนางพญาตลอดไป¡±
เจ้าจึงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้
หรือจดจำบั้นปลายของเรื่องเหล่านี้
๘ บัดนี้ จงฟังเรื่องนี้ซิ เจ้าผู้รักความเพลิดเพลิน
คือผู้นั่งอยู่อย่างมั่นคง
ผู้คิดในใจของตนว่า
¡°ข้านี่แหละ และไม่มีผู้อื่นอีก
ข้าจะไม่นั่งเป็นแม่ม่าย
หรือประสบกับ๑ การพลัดพรากจากลูก¡±
๙ แต่ทั้งสองเรื่องนี้จะมาถึงเจ้า
ในเวลาเดียวกัน ภายในวันเดียว
คือการพลัดพรากจากลูก และการเป็นแม่ม่ายนั้น
จะมาถึงเจ้าอย่างเต็มขนาด
ทั้งที่เจ้ามีวิทยาคมมากมาย
และเจ้ามีเวทมนตร์ที่ทรงอานุภาพอยู่มาก
๑๐ เจ้ารู้สึกมั่นคงอยู่ในความอธรรมของเจ้า
เจ้าว่า ¡°ไม่มีใครเห็นข้า¡±
สติปัญญาของเจ้าและความรู้ของเจ้า
ทำให้เจ้าหลงไป
และเจ้าจึงคิดในใจของเจ้าว่า
¡°ข้านี่แหละ และไม่มีผู้อื่นอีก¡±
๑๑ แต่สิ่งเลวร้ายจะมาถึงเจ้า
ซึ่งเจ้าจะปัดเป่ามันไปไม่ได้
ภัยพิบัติจะตกลงมาเหนือเจ้า
ซึ่งเจ้าจะไม่สามารถหลบเลี่ยง
และการทำลายล้างจะมาถึงเจ้าอย่างฉับพลัน
ซึ่งเจ้าไม่รู้อะไรเลย
๑๒ จงตั้งมั่นอยู่ในเวทมนตร์ของเจ้า
และในวิทยาคมมากมายของเจ้า
ซึ่งเจ้าเหนื่อยยากมาตั้งแต่สาวๆ
บางทีเจ้าอาจทำสำเร็จ
บางทีเจ้าจะทำให้สยดสยองได้
๑๓ เจ้าเหน็ดเหนื่อยกับที่ปรึกษามากมายของเจ้า
ให้พวกที่แบ่งฟ้าสวรรค์
และพวกที่เพ่งดูดวงดาว
ยืนขึ้นและช่วยเจ้าให้รอด
คือผู้บอกให้เจ้ารู้ในวันขึ้นค่ำ
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า
๑๔ นี่แน่ะ พวกเขาจะเป็นเหมือนตอข้าว
ไฟจะเผาผลาญเขาทั้งหลาย
พวกเขาไม่สามารถช่วยกู้ตัวเขาเอง
จากพลังของเปลวไฟ
ไม่มีถ่านที่จะให้ใครอบอุ่น
ไม่มีไฟที่จะให้ใครผิง
๑๕ พวกที่เจ้าเหนื่อยยากด้วยจะเป็นเช่นนี้แก่เจ้า
คือผู้ค้าขายกับเจ้าตั้งแต่สาวๆ
แต่ละคนต่างพเนจรไปตามทางของพวกเขา
ไม่มีใครจะช่วยกู้เจ้าได้


7. ความรอดของอิสราเอล 48
7.1 ติเตียนอิสราเอลที่แขงกราด้าน 1-11
๑ จงฟังเรื่องนี้ โอ วงศ์วานของยาโคบ
ผู้ที่คนเรียกด้วยนามของอิสราเอล
และมาจากเชื้อสาย๑ ของยูดาห์
ผู้ได้ปฏิญาณในพระนามของพระยาห์เวห์
และร้องขอต่อพระเจ้าของอิสราเอล
แต่ไม่ใช่ด้วยความจริงหรือความชอบธรรม
๒ เพราะพวกเขาขนานนามของตัวเองตามนครบริสุทธิ์
และพึ่งพิงพระเจ้าของอิสราเอล
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
๓ สิ่งที่ล่วงมานั้นเราได้แจ้งให้ทราบนานแล้ว
มันออกจากปากของเรา และเราได้เล่าให้ฟัง
และทันใดนั้นเราได้ทำ และมันก็เป็นไปตามนั้น
๔ เพราะเรารู้ว่าเจ้าดื้อด้าน
และคอของเจ้าเป็นเอ็นเหล็ก
และหน้าผากของเจ้าเป็นทองเหลือง
๕ เราแจ้งต่อเจ้านานแล้ว
ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เราก็ได้เล่าให้เจ้าฟังแล้ว
เกรงว่าเจ้าจะพูดว่า ¡°รูปเคารพของข้าทำเอง
รูปแกะสลักและรูปโลหะหล่อของข้าบัญชามันมา¡±
๖ เจ้าได้ยินแล้ว จงดูสิ่งทั้งหมดนี้
และเจ้าจะไม่แจ้งให้ทราบด้วยหรือ?
ตั้งแต่นี้ไปเราจะเล่าสิ่งใหม่ให้เจ้าฟัง
เป็นสิ่งลึกลับที่เจ้าไม่รู้
๗ เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในเวลานี้ ไม่ใช่นานแล้ว
และก่อนวันนี้ เจ้าไม่เคยได้ยิน
เกรงว่าเจ้าจะพูดว่า ¡°นี่แน่ะ เรารู้แล้ว¡±
๘ เออ เจ้าไม่เคยได้ยิน เออ เจ้าไม่เคยรู้
เออ ตั้งแต่นานมาแล้ว หูของเจ้ายังไม่ได้ยิน๒
เพราะเรารู้ว่าเจ้าจะประพฤติการทรยศอย่างยิ่ง
และรู้ว่าเขาเรียกเจ้าว่ากบฏตั้งแต่เกิด
๙ เรากลั้นความกริ้วของเราไว้เพื่อเห็นแก่นามของเรา
เราระงับไว้ให้เจ้าเพื่อเห็นแก่การสรรเสริญเรา
เพื่อว่าเราจะไม่ตัดเจ้าออกไปเสีย
๑๐ ดูสิ เราได้ถลุงเจ้าแล้ว แต่ไม่เหมือนเงิน
เราได้ทดสอบเจ้าในเตาของความทุกข์ยาก
๑๑ เราทำเช่นนั้นเพราะเห็นแก่เราเอง เพราะเห็นแก่เราเอง
เพราะว่านามของเราจะถูก๓ เหยียดหยามได้อย่างไร?
และสง่าราศีของเรานั้น เราจะไม่ให้ผู้อื่น

7.2 จะพิพากษาบาบิโลน 12-15
๑๒ จงฟังเรา โอ ยาโคบ
อิสราเอล ผู้ซึ่งเราเรียก
เราคือผู้นั้น เราเป็นเบื้องต้น
และเราเป็นเบื้องปลาย
๑๓ เออ มือของเราได้วางรากฐานแผ่นดินโลก
และมือขวาของเราได้กางฟ้าสวรรค์ออก
เมื่อเราเรียกมัน
มันก็ยืนขึ้นด้วยกัน
๑๔ เจ้าทั้งหมด จงชุมนุมกัน และจงฟัง
ในท่ามกลางพวกนั้น ใครได้ประกาศสิ่งเหล่านี้?
พระยาห์เวห์ทรงรักเขา
เขาจะทำสิ่งที่พระองค์ทรงชื่นชอบต่อบาบิโลน
และแขนของเขาจะต่อสู้ชาวเคลเดีย
๑๕ เรา คือเราเองที่ได้พูด และเรายังได้เรียกเขา
เรานำเขามา และเขาจะจำเริญในทางของเขา

7.3 จงออกจากบาบิโลน 16-22
๑๖ จงเข้ามาใกล้เรา จงฟังเรื่องนี้
ตั้งแต่เริ่มแรก เราไม่ได้พูดในที่ลี้ลับ
ตั้งแต่มันเกิดมา เราอยู่ที่นั่นแล้ว
และบัดนี้พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงใช้ข้าพเจ้าพร้อมด้วยพระวิญญาณของพระองค์
๑๗ พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของท่าน
องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
¡°เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้สั่งสอนเจ้าเพื่อประโยชน์ของเจ้า
ผู้นำเจ้าในทางที่เจ้าควรจะไป
๑๘ ถ้าเจ้าเชื่อฟังบัญญัติของเรา
แล้วความสมบูรณ์พูนสุขของเจ้าจะเป็นเหมือนแม่น้ำ
และความชอบธรรมของเจ้าจะเหมือนคลื่นทะเล
๑๙ ลูกหลานของเจ้าจะเป็นเหมือนทราย
และเชื้อสายของเจ้าเหมือนเม็ดทราย
ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัดออก
หรือถูกทำลายเสียจากหน้าเรา¡±
๒๐ จงออกจากบาบิโลน จงหนีไปจากพวกเคลเดีย
จงประกาศเรื่องนี้ด้วยเสียงโห่ร้องชื่นบาน จงเล่าให้ฟัง
จงส่งมันไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
ว่า ¡°พระยาห์เวห์ทรงไถ่ยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว¡±
๒๑ เมื่อพระองค์ทรงนำพวกเขาไปทางทะเลทราย เขาก็ไม่กระหาย
พระองค์ทรงทำให้น้ำไหลจากศิลาเพื่อเขา
พระองค์ทรงแยกหิน และน้ำก็ทะลักออกมา
๒๒ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°ไม่มีสันติสุขแก่คนอธรรม¡±

B. ผู้ช่วยเหลือ 49-57
1. ผู้ช่วยเหลือ คือ ทาสของพระยาห์เวห์ 49
1.1 การทรงเรียก และ นาทีของทาสของพระยาห์เวห์ 1-13
๑ โอ แผ่นดินชายทะเล จงฟังข้าพเจ้า
ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ไกล จงตั้งใจฟัง
พระยาห์เวห์ทรงเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์
พระองค์ทรงตั้งชื่อข้าพเจ้า๑ ตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาข้าพเจ้า
๒ พระองค์ทรงทำให้ปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม
พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์ของพระองค์
พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกศรขัดมัน
พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งของพระองค์
๓ และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ¡°เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
อิสราเอลผู้ซึ่งเราจะสำแดงศักดิ์ศรีของเราเอง¡±
๔ แต่ข้าพเจ้าเองกล่าวว่า ¡°ข้าพเจ้าเหนื่อยเปล่า
ข้าพเจ้าเปลืองแรงของตัวเองเสียเปล่าและอนิจจัง
แต่แน่ละ สิ่งที่ควรเป็นของข้าพเจ้า๒ นั้นอยู่กับพระยาห์เวห์
และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า¡±
๕ และบัดนี้ พระยาห์เวห์ตรัส คือพระองค์ผู้ทรงปั้นข้าพเจ้าตั้งแต่ในครรภ์
ให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์
และเพื่อรวบรวมอิสราเอลมายังพระองค์
เพราะข้าพเจ้าได้รับเกียรติในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์
และพระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า
๖ พระองค์ตรัสว่า ¡°ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเรา
เพื่อจะยกเผ่าทั้งหลายของยาโคบขึ้น
และเพื่อให้อิสราเอลที่เหลือกลับสู่สภาพดีนั้น
ดูจะเป็นการเล็กน้อยเกินไป
เราจะให้เจ้าเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
เพื่อความรอดของเราจะไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก¡±
๗ พระยาห์เวห์
พระผู้ไถ่และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
ตรัสกับผู้ถูกดูหมิ่นและถูกประชาชาติรังเกียจ
คือคนใช้ของบรรดาผู้ครอบครอง
ว่า ¡°กษัตริย์ทั้งหลายจะมองดูแล้วจะยืนขึ้น
และพวกเจ้านายจะกราบลงด้วยตัวเอง
เพราะเหตุพระยาห์เวห์ผู้สัตย์จริง
องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลผู้ได้เลือกสรรเจ้า¡±
๘ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°ในเวลาโปรดปราน เราได้ตอบเจ้าแล้ว
ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า
เราได้ดูแลเจ้า และมอบเจ้าไว้
ให้เป็นพันธสัญญาของชนชาติ
เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน
เพื่อแบ่งที่ร้างเปล่าให้เป็นมรดก
๙ และเพื่อกล่าวกับพวกถูกจำจองว่า ¡®จงออกมา¡¯
กล่าวกับพวกที่อยู่ในความมืดว่า ¡®จงเผยตัว¡¯
พวกเขาจะเลี้ยงชีพตามทาง
และที่เลี้ยงดูของพวกเขาจะอยู่ตามที่สูงโล้นทุกแห่ง
๑๐ เขาทั้งหลายจะไม่หิวหรือกระหาย
ความร้อนแผดเผาหรือดวงอาทิตย์จะไม่ทำลายเขา
เพราะพระองค์ผู้ทรงสงสารพวกเขาจะทรงนำพวกเขา
และจะนำพาเขาไปยังน้ำพุ
๑๑ เราจะปรับภูเขาทุกแห่งของเราให้เป็นทางเดิน
และทางหลวงทั้งหลายของเราจะถูกยกให้สูง
๑๒ นี่แน่ะ พวกเหล่านี้จะมาจากเมืองไกล
และดูสิ เหล่านี้มาจากเหนือและจากตะวันตก
และเหล่านี้มาจากแผ่นดินซีนิม¡±
๑๓ โอ ฟ้าสวรรค์ จงเปล่งเสียงชื่นบาน และแผ่นดินโลกจงชื่นชมยินดีเถิด
โอ ภูเขาเอ๋ย จงร้องด้วยความเปรมปรีดิ์
เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงปลอบโยนชนชาติของพระองค์แล้ว
และทรงสงสารคนของพระองค์ที่ถูกข่มใจ

1.2 การนุ่นใจต่อซีโอน 14-26
๑๔ แต่ศิโยนกล่าวว่า ¡°พระยาห์เวห์ได้ทรงละทิ้งข้าแล้ว
และองค์เจ้านายทรงลืมข้าเสียแล้ว¡±
๑๕ ¡°ผู้หญิงจะลืมบุตรของนางที่ยังกินนมอยู่
และไม่สงสารบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ?
และถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะลืมได้
แต่เราก็จะไม่ลืมเจ้า
๑๖ ดูสิ เราได้สลักเจ้าไว้บนฝ่ามือของเรา
กำแพงเมืองของเจ้าอยู่ต่อหน้าเราเสมอ
๑๗ บรรดาบุตรของเจ้าจะรีบมา แต่พวกผู้ทำลายเจ้าจะจากไป๓
และพวกที่ทำให้เจ้าถูกทิ้งร้างก็ออกไปจากเจ้า
๑๘ จงเงยตาขึ้นและมองไปรอบๆ
เขาทั้งหลายชุมนุมกัน และพวกเขามายังเจ้า¡±
พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°ตราบใดที่เราเองมีชีวิตอยู่
เจ้าจะสวมพวกเขาทุกคนเหมือนเครื่องประดับ
เจ้าจะผูกพวกขาไว้อย่างเจ้าสาวประดับอาภรณ์
๑๙ แม้ที่ทิ้งร้างและที่ร้างเปล่าของเจ้า
และแผ่นดินที่ถูกทำลายของเจ้า
แน่ะ บัดนี้เจ้าจะแคบเกินไปสำหรับผู้อาศัย
และพวกกลืนกินเจ้าจะอยู่ห่างไกล
๒๐ ลูกๆ ที่เกิดยามเจ้าทุกข์ใจจากการเสียลูก
จะพูดที่หูของเจ้าอีกว่า
¡®ที่นี้แคบเกินสำหรับฉันแล้ว
จงหาที่กว้างขึ้นให้ฉันอยู่¡¯
๒๑ แล้วเจ้าจะพูดในใจของเจ้าว่า
¡®ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้า
ข้าทุกข์ระทมเพราะเสียลูกและเป็นหมัน
ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยและถูกขับไล่
แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้?
นี่แน่ะ ข้าถูกทิ้งไว้แต่ลำพัง
แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน?¡¯ ¡±
๒๒ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
¡°ดูสิ เราจะยกมือของเรากวักบรรดาประชาชาติ
และชูธงสัญญาณของเราต่อชนชาติทั้งหลาย
แล้วพวกเขาจะอุ้มบรรดาบุตรชายของเจ้ามาในอ้อมอก
และจะแบกบรรดาบุตรหญิงของเจ้ามาบนบ่า
๒๓ กษัตริย์ทั้งหลายจะเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้า
และบรรดาพระราชธิดาของท่านเหล่านั้นจะเป็นแม่นมของเจ้า
พวกเขาจะก้มหน้าลงถึงดินและกราบเจ้า
และจะเลียผงคลีที่เท้าของเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราเองคือยาห์เวห์
บรรดาผู้รอคอยเราจะไม่อับอาย¡±
๒๔ จะเอาเหยื่อไปจากนักรบได้หรือ?
และจะช่วยเชลยของผู้กดขี่๔ ให้หลุดได้หรือ?
๒๕ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°แน่นอน แม้แต่เชลยของผู้มีกำลังก็จะต้องถูกเอาไป
และเหยื่อของผู้น่ากลัวก็จะต้องช่วยให้หลุด
เพราะเราเองจะต่อสู้กับผู้ต่อสู้เจ้า๕
และเราเองจะช่วยบุตรทั้งหลายของเจ้าให้รอด
๒๖ เราจะให้พวกบีบบังคับเจ้ากินเนื้อของตนเอง
และเขาจะเมาโลหิตของเขาเองเหมือนเมาเหล้าองุ่น
แล้วมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า
เราคือยาห์เวห์เป็นพระผู้ช่วยของเจ้า
และเป็นพระผู้ไถ่ของเจ้า องค์อานุภาพของยาโคบ¡±


2. การจงรักภักดีของทาสของพระยาห์เวห์ 50
๑ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°ใบหย่ากับแม่ของพวกเจ้า
ที่เราใช้ไล่นางไปนั้นอยู่ที่ไหน?
หรือเจ้าหนี้ของเราคนใด
ที่เราขายพวกเจ้าไปให้เขา?
นี่แน่ะ เจ้าถูกขายเพราะบาปของเจ้า
และแม่ของเจ้าถูกไล่ไปเพราะความทรยศของเจ้า
๒ ทำไมนะ เมื่อเรามาจึงไม่พบผู้ใดเลย?
เมื่อเราร้องเรียกจึงไม่มีใครตอบ?
มือเราสั้นเกินกว่าจะไถ่ถอนได้หรือ?
และเราไม่มีกำลังจะช่วยกู้หรือ?
ดูสิ เราทำให้น้ำทะเลแห้งด้วยการกำราบของเรา
เราทำให้แม่น้ำทั้งหลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
ปลาของแม่น้ำนั้นๆ ก็เน่าเหม็นเพราะขาดน้ำ
และตายไปเพราะกระหายน้ำ
๓ เราห่มท้องฟ้าด้วยความดำมืด
และใช้ผ้ากระสอบ๑ เป็นผ้าคลุมของมัน¡±
๔ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายประทานแก่ข้าพเจ้า
ให้มีลิ้นของผู้ได้รับการสั่งสอน
เพื่อข้าพเจ้าจะรู้จักการค้ำชู
คือค้ำชูผู้อิดโรยด้วยถ้อยคำ
ทุกๆ เช้าพระองค์ทรงปลุก
พระองค์ทรงปลุกหูของข้าพเจ้า
เพื่อให้ฟังเหมือนอย่างคนได้รับการสั่งสอน
๕ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเปิดหูข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าเองไม่ได้ขัดขืน
ข้าพเจ้าไม่ได้หันหลังกลับ
๖ ข้าพเจ้าเปิดหลังให้ผู้โบยตีข้าพเจ้า
และหันแก้มแก่คนดึงเคราข้าพเจ้าออก
ข้าพเจ้าไม่ได้ซ่อนหน้า
จากการเยาะเย้ยและการถ่มน้ำลายรด
๗ แต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงช่วยข้าพเจ้า
เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ถูกทำให้อัปยศ
เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงทำหน้าข้าพเจ้าให้เหมือนหินเหล็กไฟ
และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่อับอาย
๘ พระองค์ผู้ทรงแก้ต่างให้ข้าพเจ้านั้นอยู่ใกล้
ใครจะสู้ความกับข้าพเจ้า
ก็ให้เรายืนขึ้นมาด้วยกัน
และใครจะกล่าวหาข้าพเจ้า
ก็ให้เขาเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า
๙ นี่แน่ะ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงช่วยข้าพเจ้า
ใครจะกล่าวว่าข้าพเจ้ามีความผิด?
ดูสิ พวกเขาทุกคนจะหลุดลุ่ยไปเหมือนเสื้อผ้า
ตัวแมลงจะกัดกินพวกเขาเสีย
๑๐ ใครบ้างในพวกเจ้าที่เกรงกลัวพระยาห์เวห์
และฟังเสียงผู้รับใช้ของพระองค์?
เขาผู้ดำเนินในความมืด
และปราศจากความสว่าง
แต่ยังวางใจในพระนามพระยาห์เวห์
และพึ่งอาศัยพระเจ้าของเขา
๑๑ นี่แน่ะ พวกเจ้าทุกคนที่ก่อไฟ
ผู้เอาดุ้นไฟคาดตัวเจ้าไว้
จงเดินด้วยแสงไฟของพวกเจ้า
และด้วยดุ้นไฟซึ่งเจ้าได้ก่อ
พวกเจ้าจะได้รับสิ่งนี้จากมือของเรา
คือ เจ้าจะต้องนอนลงในที่ทุกข์ทรมาน


3. การนุ่นใจอิสราเอล 51:1-52:12
3.1 การนุ่นใจอิสราเอล 51:1-8
๑ จงฟังเราสิ เจ้าทั้งหลายผู้ขวนขวายความชอบธรรม
พวกเจ้าผู้แสวงหาพระยาห์เวห์
จงมองดูหินที่ตัวเจ้าถูกตัดออกมา
และบ่อหินที่พวกเจ้าถูกขุดขึ้นมา
๒ จงมองดูอับราฮัมบรรพบุรุษของเจ้า
และซาราห์ผู้คลอดเจ้าทั้งหลายมา
เพราะเมื่อเขายังเป็นเพียงคนเดียว เราได้เรียกเขา
เราได้อวยพรเขาและทวีจำนวนของเขา
๓ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะทรงชูใจศิโยน
พระองค์จะทรงชูใจที่ทิ้งร้างทุกแห่งของเธอ
และจะทำให้ถิ่นทุรกันดารของเธอเหมือนสวนเอเดน
และที่ราบแห้งแล้งของเธอเหมือนอุทยานพระยาห์เวห์
จะพบความชื่นบานและความยินดีในเธอ
ทั้งการขอบพระคุณและเสียงเพลง
๔ ชนชาติของเราเอ๋ย จงฟังเสียงของเรา
ประชากรของเราเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังเรา
เพราะว่าธรรมบัญญัติจะออกไปจากเรา
และความยุติธรรมของเราจะเป็นความสว่างของชนชาติทั้งหลาย
๕ ความชอบธรรมของเราได้มาใกล้
และการช่วยกู้ของเราออกไปแล้ว
แขนของเราจะพิพากษาชนชาติทั้งหลาย
แผ่นดินชายทะเลรอคอยเรา
และคาดหวังต่อแขนของเรา
๖ จงเงยหน้าของพวกเจ้าดูฟ้าสวรรค์
แล้วมองดูแผ่นดินโลกเบื้องล่าง
เพราะว่าฟ้าสวรรค์จะสูญไปเหมือนควัน
และแผ่นดินโลกจะหลุดลุ่ยไปเหมือนเสื้อผ้า
แล้วผู้อาศัยอยู่ในนั้นจะตายไปเหมือนริ้น
แต่ความรอดของเราจะอยู่เป็นนิตย์
และความชอบธรรมของเราจะไม่สิ้นสุด
๗ จงฟังเรา พวกเจ้าผู้รู้จักความชอบธรรม
ชนชาติที่มีธรรมบัญญัติของเราอยู่ในใจ
อย่ากลัวการเยาะเย้ยของมนุษย์
และอย่าวิตกต่อการถากถางของเขา
๘ เพราะว่าตัวแมลงจะกินเขาเหมือนกินเสื้อผ้า
และตัวหนอนจะกินเขาเหมือนกินขนแกะ
แต่ความชอบธรรมของเราจะดำรงเป็นนิตย์
และความรอดของเราอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์

3.2 ความรอดของพระยาห์เวห์ 51:9-16
๙ ข้าแต่พระกรของพระยาห์เวห์
จงตื่นเถิด ตื่นขึ้นเถิด จงสวมกำลัง
ตื่นขึ้นอย่างในอดีตกาล
อย่างในชั่วชาติพันธุ์นานมาแล้วนั้น
ท่านไม่ใช่หรือที่หั่นราหับ๑ เป็นชิ้นๆ
และแทงมังกรทะลุ?
๑๐ ท่านไม่ใช่หรือที่ทำให้ทะเลแห้งไป?
คือน้ำของที่ลึกยิ่งนั้น
และทำที่ลึกของทะเลให้เป็นหนทาง
เพื่อให้พวกที่ทรงไถ่ไว้แล้วเดินผ่านไป
๑๑ แล้วพวกที่ไถ่ไว้แล้วของพระยาห์เวห์จะกลับมา
และจะมายังศิโยนด้วยการร้องเพลง
ความชื่นบานเป็นนิตย์จะอยู่บนศีรษะของพวกเขา
เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี
ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไป
๑๒ เราเอง คือเราเองผู้ชูใจเจ้า
เจ้าเป็นใครเล่าที่กลัวคนซึ่งจะต้องตาย
คือกลัวมนุษย์ซึ่งถูกทำให้เหมือนหญ้า?
๑๓ เจ้าลืมพระยาห์เวห์ผู้สร้างของเจ้า
ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์
และทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก
และเจ้ากลัวอยู่เรื่อยไปตลอดวัน
เพราะความเกรี้ยวกราดของผู้บีบบังคับ
เมื่อเขาตั้งตัวขึ้นที่จะทำลาย
แต่ความเกรี้ยวกราดของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหนเล่า?
๑๔ นักโทษ๒ จะได้รับการปลดปล่อยโดยเร็ว
เขาจะไม่ตายในที่กักขัง๓
และอาหารของเขาก็ไม่ขาดแคลน
๑๕ เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ผู้กวนทะเลให้คลื่นของมันคะนอง
(พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ)
๑๖ และเราใส่ถ้อยคำของเราไว้ในปากของเจ้า
และซ่อนเจ้าไว้ในร่มมือของเรา
เราตั้งฟ้าสวรรค์ ๔
และวางรากฐานแผ่นดินโลก
และกล่าวกับศิโยนว่า ¡°เจ้าเป็นชนชาติของเรา¡±

3.3 ความรอดของกรุงเยรูซาเลม 51:17-23
๑๗ จงเร้าใจตัวเอง จงเร้าใจตัวเอง
จงยืนขึ้นเถิด เยรูซาเล็มเอ๋ย
ท่านผู้ได้ดื่มจากพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์
คือจอกแห่งพระพิโรธของพระองค์
ท่านได้ดื่มจากถ้วยแห่งความโซเซ
จนถึงก้นตะกอน
๑๘ ในบรรดาบุตรชายที่นางคลอดมานั้น
ไม่มีใครนำทางนาง
ในบรรดาบุตรชายที่นางชุบเลี้ยงมา
ก็ไม่มีใครจูงมือนาง
๑๙ สองสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับท่าน
(แล้วใครเล่าจะอาลัยท่าน?)
คือการล้างผลาญและทำลาย กับการกันดารอาหารและคมดาบ
(แล้วใครเล่าจะปลอบโยนท่าน?)๕
๒๐ บรรดาบุตรชายของท่านสลบไปแล้ว
พวกเขานอนอยู่ตามหัวถนนทุกแห่ง
เหมือนเลียงผาติดในข่าย
พวกเขาโชกโชนด้วยพระพิโรธของพระยาห์เวห์
และด้วยการกำราบของพระเจ้าของท่าน
๒๑ ฉะนั้น จงฟังข้อนี้เถิด ท่านผู้ถูกข่มใจ
ผู้ซึ่งมึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
๒๒ องค์เจ้านายของท่าน คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
ผู้ทรงสู้คดีเพื่อชนชาติของพระองค์ ตรัสดังนี้ว่า
¡°นี่แน่ะ เราได้เอาจอกแห่งความโซเซ
มาจากมือของเจ้าแล้ว
ถ้วยแห่งความพิโรธของเรา
เจ้าจะไม่ต้องดื่มอีกต่อไป
๒๓ และเราจะใส่มันไว้ในมือของพวกที่ทรมานเจ้า
คือพวกที่พูดกับตัวเจ้าว่า
¡®จงหมอบลง แล้วเราจะเดินข้ามเจ้าไป
แล้วเจ้าทำให้หลังของเจ้าเหมือนพื้นดิน
และเหมือนถนนเพื่อให้คนเดินข้ามไป¡¯ ¡±


3.4 นิมิตของความรอด 52:1-12
๑ โอ ศิโยนเอ๋ย จงตื่นขึ้น จงตื่นขึ้นเถิด
จงสวมกำลังของท่าน
โอ เยรูซาเล็ม นครบริสุทธิ์เอ๋ย
จงสวมเสื้อผ้างดงามของท่าน
เพราะว่าผู้ไม่เข้าสุหนัตและผู้เป็นมลทิน
จะไม่เข้ามาในท่านอีกต่อไป
๒ จงยกตัวออกจาก๑ ผงคลี
จงลุกขึ้น โอเยรูซาเล็มที่เป็นเชลย๒
จงปลดโซ่ออกจากคอของท่าน
โอ ธิดาศิโยนที่เป็นเชลย
๓ เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ¡°พวกเจ้าถูกขายไปเปล่าๆ และพวกเจ้าจะได้รับการไถ่โดยไม่ใช้เงิน ๔ เพราะพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายตรัสดังนี้ ทีแรกชนชาติของเราลงไปยังอียิปต์เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่น แต่ต่อมาชาวอัสซีเรียบีบบังคับเขาอย่างไม่มีเหตุ ๕ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า บัดนี้เราต้องทำอะไรในที่นี่? เพราะว่าชนชาติของเราถูกเอาตัวไปเสียเปล่าๆ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ผู้ครอบครองเขาก็ร้องคำราม๓ และนามของเราถูกหมิ่นประมาทอย่างต่อเนื่องทุกวันเวลา ๖ เพราะฉะนั้น ชนชาติของเราจะรู้จักนามของเรา เพราะฉะนั้น ในวันนั้นพวกเขาจะรู้ว่าคือเรานี่แหละผู้พูดว่า เราอยู่ที่นี่¡±
๗ เท้าของผู้นำข่าวซึ่งอยู่บนภูเขานั้นช่างงดงามจริง
คือผู้นำข่าวที่ประกาศสันติภาพ
และผู้ที่นำข่าวอันน่ายินดี
ทั้งเท้าของผู้ประกาศความรอด
และผู้กล่าวกับศิโยนว่า ¡°พระเจ้าของท่านทรงครอบครอง¡±
๘ ฟังซี พวกยามของท่านเปล่งเสียง
เขาโห่ร้องด้วยความยินดีพร้อมกัน
เพราะพวกเขาได้เห็นกับตา
ที่พระยาห์เวห์ทรงกลับมายังศิโยน
๙ ที่ทิ้งร้างแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
จงเปล่งเสียงร้องเพลงแห่งความยินดีด้วยกัน
เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงปลอบโยนชนชาติของพระองค์
พระองค์ได้ทรงไถ่เยรูซาเล็มแล้ว
๑๐ พระยาห์เวห์เปลือยพระกรอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งหมด
และสุดปลายแผ่นดินโลกทั้งหมดจะเห็น
ความรอดของพระเจ้าของเรา
๑๑ จงออกไปซี จงออกไปจากที่นั้น
พวกท่านผู้ถือเครื่องภาชนะของพระยาห์เวห์
อย่าแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทิน
จงไปจากท่ามกลางพวกเขา จงชำระตัวให้บริสุทธิ์
๑๒ เพราะว่าพวกท่านไม่ต้องออกไปอย่างรีบเร่ง
และท่านทั้งหลายจะไม่ต้องหลบหนี
เพราะพระยาห์เวห์จะเสด็จนำหน้าพวกท่าน
และพระเจ้าของอิสราเอลจะทรงระวังหลังท่านทั้งหลาย


4. ทาสของความทุกข์ทรามาน 52:13-53:12
4.1 บทบรรเลงนำ 52:13-15
๑๓ นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเรา๔ จะทำอย่างมีปัญญา๕
เขาจะสูงเด่นและเป็นที่เทิดทูน
และเขาจะสูงยิ่งนัก
๑๔ ด้วยคนจำนวนมากตกตะลึงเพราะท่าน๖
(หน้าตาของท่านเสียโฉมมากเหลือที่จะเหมือนคน
และรูปร่างของท่านก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนมนุษย์)
๑๕ ท่านก็จะทำให้ประชาชาติมากมายตกตะลึง๗
บรรดาพระราชาจะปิดพระโอษฐ์เพราะท่าน
เพราะเขาทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่ยังไม่มีใครบอกพวกเขา
และพวกเขาจะเข้าใจสิ่งซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ยิน

4.2 สภาพของทาสของความทุกข์ทรามาน 53:1-3
๑ ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เรา๑ ป่าวประกาศ๒ ?
พระกรของพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ผู้ใด?
๒ เพราะท่านเจริญขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างต้นอ่อน
และเหมือนรากที่แตกหน่อมาจากพื้นดินแห้งแล้ง
ท่านไม่มีความงามหรือความสง่าที่จะให้พวกเรามองดู
และไม่มีรูปลักษณ์ซึ่งจะให้เราพึงปรารถนา
๓ ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง
เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก๓
และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี
ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน

4.3 ความหมายของทาสของความทุกข์ทรามาน 53:4-6
๔ แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา
และหอบความเจ็บปวดของเราไป
กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี
คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ
๕ แต่ท่านถูกแทง๔ เพราะความทรยศของเรา
ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา
การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ
และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา
๖ เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ
ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง
และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาป
ของเราทุกคนลงบนตัวท่าน

4.4 ท่าทีต่อความทุกข์ทรามาน 53:7-9
๗ ท่านถูกบีบบังคับและถูกข่มใจ
ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก
เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า
และเหมือนแกะที่เป็นใบ้ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันเช่นใด
ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยเช่นนั้น
๘ ท่านถูกนำตัวไปด้วยการบังคับและการตัดสิน
และคนในยุคสมัยของท่านนั้น มีใครเล่าที่คิดว่า
ที่ท่านถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็นนั้น
ที่ท่านถูกตีนั้นเพราะการทรยศของชนชาติของข้าพเจ้า
๙ และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม
และเขาจัดท่านไว้๕ กับเศรษฐีในความตายของท่าน
แม้ว่าท่านไม่ได้ทำการทารุณใดๆ
และไม่มีการหลอกลวงใดๆ ในปากของท่าน

4.5 ผลของความทุกข์ทรามาน 53:10-12
๑๐ แต่พระยาห์เวห์ยังทรงประสงค์ให้ท่านบอบช้ำด้วยการบาดเจ็บ๖
เมื่อชีวิตของท่าน๗ เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป
ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันเวลาของท่าน
พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะเจริญขึ้นในมือของท่าน
๑๑ ภายหลังความลำบากของตัวเขา๘
เขาจะเห็น๙ และจะพึงพอใจ
โดยความรู้ของเขา ผู้รับใช้ชอบธรรมของเรา๑๐
จะทำให้คนจำนวนมากเป็นคนชอบธรรม
และเขาจะแบกความบาปผิดทั้งหลายของพวกเขา
๑๒ เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งส่วนหนึ่งแก่เขาเช่นเดียวกับคนใหญ่โต๑๑
และเขาจะแบ่งของริบกับพวกผู้ยิ่งใหญ่
เพราะเขาเทตัวของเขา๑๒ ลงถึงความมรณะ
และถูกนับเข้ากับพวกคนทรยศ
เขาเองแบกบาปของคนจำนวนมาก
และเขาอ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ



5. สัญญาของความรอด 54-55
5.1 สัญญาเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 1-17
(1) สัญญาเข้าสู่สภาพเดิมของอิสราเอล 1-10
๑ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°จงร้องเพลงเถิด โอ หญิงหมันที่ไม่ได้คลอดบุตร
จงเปล่งเสียงร้องเพลงและจงร้องเสียงดัง
เจ้าผู้ไม่ได้เจ็บครรภ์
เพราะว่าบุตรของแม่ร้างจะมีมากกว่า
บุตรของหญิงที่แต่งงาน
๒ จงขยายพื้นที่เต็นท์ของเจ้าให้ใหญ่ขึ้น
และยืดม่านที่อาศัยของเจ้าออกไป
อย่าหน่วงไว้ จงต่อเชือกของเจ้าให้ยาวขึ้น
และเสริมหลักหมุดของเจ้าให้มั่นคง
๓ เพราะเจ้าจะกระจายออกไปทางขวาและทางซ้าย
และเชื้อสายของเจ้าจะได้บรรดาประชาชาติเป็นกรรมสิทธิ์
และจะให้มีคนอาศัยในเมืองร้าง
๔ ¡°อย่ากลัวเลย เพราะเจ้าจะไม่ต้องอับอาย
อย่าอดสูเลย เพราะเจ้าจะไม่ต้องละอาย
เพราะเจ้าจะลืมความขายหน้าในวัยสาวของเจ้า
และเจ้าจะไม่จดจำความอายในการเป็นม่ายของเจ้าอีก
๕ เพราะพระผู้สร้างเจ้าเป็นสามีเจ้า
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้ไถ่ของเจ้า
เขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของสากลโลก
๖ เพราะพระยาห์เวห์ทรงเรียกเจ้า
ดั่งภรรยาผู้ถูกทอดทิ้งและโทมนัสในวิญญาณจิต
คือภรรยาที่ยังสาว๑ เมื่อนางถูกทิ้ง¡±
พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้
๗ เราได้ละทิ้งเจ้าอยู่ชั่วครู่เดียว
แต่เราจะรวบรวมเจ้าด้วยความสงสารยิ่ง
๘ เราซ่อนหน้าเราจากเจ้าอยู่ขณะหนึ่ง
ด้วยความโกรธอันท่วมท้น
แต่เราจะสงสารเจ้าด้วยความรักมั่นคงนิรันดร์¡±
พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่เจ้าตรัสดังนี้
๙ ¡°สำหรับเราแล้ว เรื่องนี้ก็เหมือนสมัยของโนอาห์
เราได้ปฏิญาณว่า น้ำสมัยโนอาห์ ๒
จะไม่ท่วมแผ่นดินโลกอีกอย่างไร
เราก็ปฏิญาณว่า เราจะไม่โกรธเจ้า
และจะไม่ดุด่าเจ้าอีกอย่างนั้น
๑๐ เพราะภูเขาทั้งหลายอาจถูกเคลื่อนย้ายไป
และบรรดาเนินเขาอาจจะคลอนแคลน
แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่เคลื่อนย้ายไปจากเจ้า
และพันธสัญญาแห่งสวัสดิภาพของเราจะไม่คลอนแคลน¡±
พระยาห์เวห์ผู้ทรงสงสารเจ้าตรัสดังนี้

(2) สง่าราศีของกรุงเยรูซาเลมใหม่ 11-17
๑๑ โอ เจ้าผู้ถูกข่มใจ ผู้ถูกพายุพัดพาและขาดการชูใจ
นี่แน่ะ เราจะวางศิลาของเจ้าไว้ในพลวง
และวางรากฐานของเจ้าด้วยไพลิน
๑๒ เราจะทำบรรดาปิ่นเมือง๓ ของเจ้าด้วยทับทิม
และประตูเมืองของเจ้าด้วยเบริล๔
และกำแพงทุกด้านของเจ้าด้วยเพชรนิลจินดา
๑๓ บุตรทุกคนของเจ้าจะได้รับการสั่งสอนจากพระยาห์เวห์
และบุตรทั้งหลายของเจ้าจะมีสวัสดิภาพ๕ เป็นอย่างมาก
๑๔ เจ้าจะได้รับการสถาปนาด้วยความชอบธรรม
เจ้าจะห่างไกลการถูกกดขี่ เพราะเจ้าจะไม่ต้องกลัว
และห่างไกลจากความสยดสยองเพราะมันจะไม่มาใกล้เจ้า
๑๕ ถ้ามีใครปลุกปั่นให้เกิดการต่อสู้
ก็ต้องไม่ใช่มาจากเรา
ใครปลุกปั่นให้เกิดการต่อสู้เจ้า
เขาก็จะล้มลงเพราะเจ้า
๑๖ ดูสิ เราเองได้สร้างช่างเหล็ก
ผู้เป่าไฟจากถ่าน
และทำให้เกิดอาวุธที่เหมาะกับงานของมัน
เราเองได้สร้างผู้ล้างผลาญเพื่อทำลายด้วย
๑๗ อาวุธทุกชนิดที่ทำขึ้นเพื่อต่อสู้เจ้าจะไม่ชนะ๖
และเจ้าจะพิสูจน์ว่าลิ้นทุกลิ้นที่ลุกขึ้นต่อสู้เจ้าในการพิพากษานั้นชั่วร้าย
นี่คือมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์
และการให้ความยุติธรรมต่อพวกเขานั้นมาจากเรา¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ


5.2 จงกลับมาหาพระยาห์เวห์ 55
(1) จงกลับมาหาพระยาห์เวห์ 1-5
๑ โอ้ ทุกคนที่กระหาย
จงมายังน้ำ
และผู้ไม่มีเงิน
จงมาหาซื้อและรับประทาน
จงมาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนม
โดยไม่ต้องเสียเงินและค่าใช้จ่าย
๒ ทำไมพวกเจ้าจึงใช้เงินกับสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร?
และใช้ค่าจ้าง๑ กับสิ่งที่ไม่อิ่มใจ?
จงเอาใจใส่ฟังเรา และรับประทานของดี
และให้ตัวเจ้าปีติยินดีในอาหารโอชา๒
๓ จงเอียงหูของเจ้า แล้วมาหาเรา
จงฟัง เพื่อตัวเจ้าจะมีชีวิต
และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับพวกเจ้า
ตามความรักมั่นคงแน่นอนของเราต่อดาวิด
๔ นี่แน่ะ เราได้ตั้งเขาเป็นสักขีพยานต่อชนชาติทั้งหลาย
เป็นหัวหน้าและเป็นผู้บัญชาการของชนชาติทั้งหลาย
๕ ดูสิ เจ้าจะเรียกประชาชาติซึ่งเจ้าไม่รู้จัก
และประชาชาติที่ไม่รู้จักเจ้าจะวิ่งมาหาเจ้า
เหตุด้วยพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า คือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
เพราะพระองค์ทรงให้เจ้าได้รับเกียรติ

(2) การรับรองของความรอด 6-13
๖ จงแสวงหาพระยาห์เวห์ ขณะที่จะพบพระองค์ได้
จงทูลพระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
๗ ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขา
และคนชั่วละทิ้งความคิดของเขา
ให้เขากลับมายังพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงเมตตาเขา
และมายังพระเจ้าของพวกเรา เพราะพระองค์ทรงมีการอภัยอย่างเหลือล้น
๘ ¡°เพราะความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของเจ้า
และทางของพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทางของเรา¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
๙ ¡°เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกอย่างไร
ทางของเราก็สูงกว่าทางของพวกเจ้า
และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าอย่างนั้น
๑๐ ¡°เพราะเหมือนฝนและหิมะลงมาจากฟ้าสวรรค์
และไม่กลับที่นั่นเว้นแต่ได้รดแผ่นดินโลก
แล้วทำให้บังเกิดผลและแตกหน่อ
ทั้งให้เมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและอาหารแก่คนกิน
๑๑ ทำนองเดียวกัน คำของเราที่ออกจากปากของเรา
จะไม่กลับมาสู่เราเปล่าๆ
แต่จะทำให้สิ่งที่เราพอใจนั้นสำเร็จ
และให้สิ่งที่เราใช้ไปทำนั้นเสร็จสิ้น
๑๒ ¡°เพราะพวกเจ้าจะออกไปด้วยความชื่นบาน
และจะถูกนำพาไปโดยสวัสดิภาพ
บรรดาภูเขาและเนินเขา
จะเปล่งเสียงร้องเพลงต่อหน้าพวกเจ้า
และต้นไม้ทั้งหมดในท้องทุ่งจะตบมือ
๑๓ ต้นสนสามใบจะงอกขึ้นแทนต้นหนาม
ต้นน้ำมันเขียวจะงอกขึ้นแทนต้นไมยราบ
และมันจะเป็นอนุสรณ์แด่พระยาห์เวห์
เพื่อเป็นหมายสำคัญนิรันดร์ที่จะไม่ถูกตัดออกเลย¡±



6. การช่วยกู้ชีวิตผู้ที่กลับใจเสียใหม่ 56-57
6.1 เตือนกลับใจเสียใหม่ 56:1-8
๑ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°จงรักษาความยุติธรรมและทำความชอบธรรม
เพราะความรอดของเราใกล้มาถึง
และความชอบธรรมของเราจะเผยออก
๒ ความสุขย่อมมีแก่คนที่ทำเช่นนี้
และแก่มนุษย์ผู้ยึดมันไว้มั่น
คือผู้รักษาวันสะบาโต ไม่ทำให้วันนั้นเสื่อมเสีย๑
และรักษามือของเขาจากการทำชั่วร้ายใดๆ
๓ ¡°อย่าให้คนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระยาห์เวห์กล่าวว่า
¡®พระยาห์เวห์จะทรงแยกข้าจากชนชาติของพระองค์แน่¡¯
และอย่าให้ขันทีพูดว่า
¡®ดูสิ ข้าเป็นต้นไม้เหี่ยวแห้ง¡¯ ¡±
๔ เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°เกี่ยวกับบรรดาขันทีผู้รักษาวันสะบาโตของเรา
ผู้เลือกในสิ่งที่เราพอใจ
และยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา
๕ เราจะให้อนุสรณ์แก่เขาทั้งหลาย
ภายในนิเวศและภายในกำแพงของเรา
ที่ดีกว่าบุตรชายและบุตรหญิง
เราจะให้ชื่อนิรันดร์แก่เขาทั้งหลาย
ซึ่งจะไม่ถูกตัดออกเลย
๖ ¡°และคนต่างชาติผู้เข้าจารีตถือพระยาห์เวห์
เพื่อปรนนิบัติพระองค์และรักพระนามของพระยาห์เวห์
และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ทุกคนที่รักษาวันสะบาโตไม่ให้เสื่อมเสีย
และยึดมั่นในพันธสัญญาของเรา
๗ เราจะนำพวกเขามายังภูเขาบริสุทธิ์ของเรา
และทำให้เขาชื่นบานอยู่ในนิเวศอธิษฐานของเรา
เครื่องบูชาเผาทั้งตัวของเขาและเครื่องบูชาของเขา
จะเป็นที่โปรดปรานบนแท่นบูชาของเรา
เพราะนิเวศของเรานั้นเขาจะเรียกว่านิเวศอธิษฐาน
สำหรับทุกชนชาติ¡±
๘ พระยาห์เวห์ องค์เจ้านาย
ผู้ทรงรวบรวมอิสราเอลที่กระจัดกระจาย ตรัสว่า
¡°เราจะรวบรวมคนอื่นมาไว้กับเขา
นอกจากพวกที่ได้รวบรวมไว้แล้ว¡±

6.2 ความบาปผู้นำ 56:9-12
๙ พวกเจ้า สัตว์ทั้งหมดในทุ่ง จงมากินซิ
ทั้งพวกเจ้า สัตว์ทั้งหมดในป่า
๑๐ ยามของเขาตาบอด
เขาทุกคนไร้ความรู้
เขาทุกคนเป็นสุนัขใบ้
ไม่สามารถเห่า
ได้แต่ฝัน ได้แต่นอน
รักแต่จะหลับ
๑๑ พวกสุนัขหิวจัด
ไม่เคยรู้จักอิ่ม
พวกเขาคือผู้เลี้ยงแกะที่ไม่มีความเข้าใจ
เขาทุกคนหันไปตามทางเขาเอง
แต่ละคนล้วนหากำไรให้ตัวเองโดยไม่มีใครยกเว้น
๑๒ ¡°มาเถิด ให้ข้าเอาเหล้าองุ่นมา
ให้พวกเราดื่มเมรัยเต็มที่
และพรุ่งนี้ก็จะเหมือนวันนี้
จะใหญ่โตและมากมายยิ่งกว่าอีก¡±

6.3 ความตายของคนชอบธรรม 57:1-2
๑ คนชอบธรรมตายจากไป๑
และไม่มีผู้ใดใส่ใจ
คนซื่อตรงถูกเอาไปเสีย
โดยไม่มีใครเข้าใจ
เพราะคนชอบธรรมถูกเอาไปเสียจากภัยพิบัติ๒
๒ เขาเข้าไปในสันติสุข
ผู้ดำเนินในความเที่ยงธรรมของเขา
ก็พักสงบบนที่นอนของเขา

6.4 ความบาปของรูปเคารพ 57:3-13
๓ แต่พวกเจ้า พวกลูกชายของแม่มด
ลูกหลานของคนล่วงประเวณีและหญิงแพศยา
จงเข้ามาใกล้ที่นี่
๔ พวกเจ้าพูดเย้ยหยันผู้ใด?
เจ้าอ้าปากกว้าง
และแลบลิ้นยาวใส่ใคร?
เจ้าทั้งหลายเป็นลูกทรยศ
เป็นเชื้อสายหลอกลวงไม่ใช่หรือ?
๕ พวกเจ้าผู้เร่าร้อนด้วยราคะท่ามกลางต้นโอ๊ก๓
ภายใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น
ทั้งฆ่าลูกทั้งหลายของเจ้าในหุบเขา
ใต้ซอกหินของหน้าผา
๖ ส่วนแบ่งของเจ้าอยู่กลางหินเกลี้ยงเกลาของหุบเขา
พวกมัน พวกมันเป็นส่วนของเจ้า
เจ้าได้เทเครื่องดื่มบูชาด้วย
และนำธัญบูชามาถวาย
เราจะยอมผ่อนปรนในเรื่องเหล่านี้หรือ?
๗ บนภูเขาสูงเด่น
เจ้าตั้งที่นอนของเจ้าไว้
และเจ้าไปถวายเครื่องบูชาที่นั่น
๘ เจ้าได้ตั้งสัญลักษณ์ของเจ้า
ไว้หลังประตูและเสาประตู
เพราะว่า ในการละทิ้งเรานั้น เจ้าได้เปิดผ้าคลุมเตียงของเจ้า
แล้วเจ้าขึ้นไปบนนั้น
เจ้าทำให้มันกว้าง
และเจ้าตกลงกับพวกมันเพื่อเจ้าเอง
เจ้ารักเตียงของพวกมัน
และเจ้ามองดูความเปลือยเปล่า๔
๙ เจ้าเดินทางไปหาพระโมเลค๕ พร้อมกับน้ำมัน
และทวีน้ำหอมของเจ้า
เจ้าได้ส่งทูตของเจ้าไปไกล
แม้ให้ลงไปถึงแดนคนตาย
๑๐ เจ้าเหน็ดเหนื่อยเพราะเจ้าเดินทางมากมาย
แต่เจ้าไม่ได้พูดว่า ¡°หมดหวัง¡±
กำลังของเจ้าได้รับการฟื้นฟู
เจ้าจึงไม่ได้อ่อนเปลี้ยไป
๑๑ เจ้าครั่นคร้ามและกลัวใคร?
เจ้าจึงได้โกหก
และไม่ระลึกถึงเรา
ทั้งไม่เอาใจใส่เรา
เราได้ปิดปากอยู่เป็นเวลานาน
จนเจ้าไม่เกรงกลัวเราไม่ใช่หรือ?
๑๒ เราจะบอกถึงความชอบธรรมและการกระทำของเจ้า
แต่มันก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า
๑๓ เมื่อเจ้าร้องขอก็ให้รูปเคารพที่๖ เจ้าสะสมไว้นั้นช่วยเจ้าซี
แต่ลมจะพัดมันไปทั้งหมด
ลำพังลมหายใจก็หอบมันไปแล้ว
แต่ผู้ลี้ภัยในเราจะได้ครอบครองแผ่นดิน
และจะได้ภูเขาบริสุทธิ์ของเราเป็นมรดก

6.5 การช่วยกู้ชีวิตผู้ที่กลับใจเสียใหม่ 57:14-21
๑๔ และจะมีการกล่าวว่า
¡°จงพูนดินขึ้น จงพูนดินขึ้น และจงตระเตรียมทาง
จงรื้อถอนอุปสรรคจากทางของชนชาติเรา¡±
๑๕ องค์ผู้สูงเด่นและสูงส่ง
ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสดังนี้ว่า
¡°เราดำรงอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์
และอยู่กับผู้สำนึกผิดและมีวิญญาณจิตที่ถ่อม
เพื่อฟื้นฟูวิญญาณจิตของผู้ที่ถ่อม
และฟื้นฟูใจของผู้สำนึกผิด
๑๖ เพราะเราจะไม่ต่อสู้อยู่เป็นนิตย์
หรือโกรธอยู่ตลอดไป
เพราะวิญญาณจิตจะสลบไสลต่อหน้าเรา
คือชีวิต๗ ทั้งหลายที่เราสร้างมานั้น
๑๗ เราโกรธเนื่องด้วยบาปเรื่องความโลภของเขา
เราตีเขา เราซ่อนหน้าด้วยความโกรธ
แต่เขายังเดินกลับไปยังวิถีของใจเขาเอง
๑๘ เราได้เห็นวิถีของเขาแล้ว แต่เราจะรักษาเขาให้หาย
เราจะนำเขาและฟื้นการชูใจให้แก่เขา
และให้แก่ผู้ไว้ทุกข์ของเขา
๑๙ ทั้งสร้างผลของริมฝีปาก
สันติภาพ สันติภาพแก่คนไกลและแก่คนใกล้
และเราจะรักษาเขาให้หาย¡±
พระยาห์เวห์ตรัส
๒๐ ¡°แต่คนอธรรมนั้นเหมือนทะเลที่กำเริบ
ซึ่งนิ่งสงบอยู่ไม่ได้
และน้ำของมันก็กวนตมและเลนขึ้นมา
๒๑ ไม่มีสันติสุขแก่คนอธรรม¡± พระเจ้าของข้าพเจ้าตรัส


C. ผู้ที่ได้รับความรอด 58-66
1. การสารภาพบาป และ การยกโทษ 58-59
1.1 การกลับใจเสียใหม่ 58
(1) การอดอาหารแท้ 1-9a
๑ จงร้องดังๆ อย่าออมเสียงไว้
จงเปล่งเสียงของเจ้าเหมือนเป่าเขาสัตว์
จงแจ้งให้ชนชาติของเรารู้ตัวในเรื่องการทรยศของเขา
ให้เชื้อสายของยาโคบรู้ตัวในเรื่องบาปของเขา
๒ กระนั้นเขายังแสวงหาเราทุกวัน
และยินดีจะรู้จักทางของเรา
ราวกับว่าเขาเป็นประชาชาติที่ทำความชอบธรรม
และไม่ได้ละทิ้งกฎหมายของพระเจ้าของเขา
เขาขอกฎหมายชอบธรรมจากเรา
พวกเขายินดีจะเข้าใกล้พระเจ้า๑
๓ ¡°ทำไมพวกข้าพระองค์อดอาหาร แต่พระองค์ไม่ทอดพระเนตร?
ทำไมพวกข้าพระองค์ถ่อมตัวลง แต่พระองค์ไม่สนพระทัย?¡±
นี่แน่ะ ในวันที่เจ้าอดอาหารนั้น เจ้าทำตามใจเจ้า
และบีบบังคับคนงานทั้งหมดของเจ้า
๔ นี่แน่ะ เจ้าอดอาหารเพียงเพื่อวิวาทและต่อสู้
และเพื่อต่อยด้วยหมัดอธรรม
การอดอาหารอย่างเจ้าในวันนี้
จะไม่ทำให้เสียงของเจ้าได้ยินไปถึงที่สูง
๕ นี่คือการอดอาหารที่เราเลือกหรือ?
คือวันที่คนถ่อมตัวเองลงหรือ?
คือการก้มศีรษะของเขาลงเหมือนต้นอ้อเล็ก
แล้วปูผ้ากระสอบ๒ และขี้เถ้าเป็นที่รองนั่งหรือ?
เจ้าจะเรียกการอย่างนี้ว่าอดอาหารหรือ?
และเป็นวันที่พระยาห์เวห์โปรดปรานหรือ?
๖ เราเลือกการอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือ?
คือการแก้พันธนะอธรรม
การแก้สายรัดของแอก
การปลดปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ
และการหักแอกทั้งหมดเสีย
๗ คือการแบ่งอาหารของเจ้ากับคนหิว
การนำคนยากจนไร้บ้านเข้ามาในบ้านไม่ใช่หรือ?
และเมื่อเห็นคนเปลือยกายก็คลุมกายเขาไว้
ทั้งไม่ซ่อนตัวเจ้าจากญาติของเจ้าไม่ใช่หรือ?
๘ แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าเหมือนรุ่งอรุณ
และการรักษาแผลของเจ้าจะมีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า
และพระสิริของพระยาห์เวห์จะระวังหลังเจ้า
๙ แล้วเมื่อเจ้าทูล พระยาห์เวห์จะทรงตอบ
เมื่อเจ้าร้องทูล พระองค์จะตรัสว่า เราอยู่นี่
ถ้าเจ้าจะเอาแอกออกไปจากท่ามกลางเจ้า
รวมทั้งการชี้หน้า และคำพูดอธรรม

(2) การนมัสการพระเจ้าแท้ 9b-12
ถ้าเจ้าจะเอาแอกออกไปจากท่ามกลางเจ้า
รวมทั้งการชี้หน้า และคำพูดอธรรม
๑๐ และถ้าเจ้าทุ่มเทชีวิตของเจ้าแก่ผู้หิวโหย
และทำให้ผู้ถูกข่มใจได้อิ่มเอิบ
แล้วความสว่างจะโผล่ขึ้นแก่เจ้าในความมืด
และความมืดคลุ้มของเจ้าจะเป็นเหมือนเที่ยงวัน
๑๑ และพระยาห์เวห์จะทรงนำเจ้าอย่างต่อเนื่อง
และทำให้ตัวเจ้าอิ่มเอิบในที่แห้งแล้ง
และทำให้กระดูกของเจ้าแข็งแรง
และเจ้าจะเป็นเหมือนสวนมีน้ำชุ่ม
เหมือนน้ำพุที่น้ำของมันจะไม่ขาด
๑๒ สิ่งปรักหักพังโบราณของเจ้าจะรับการสร้างขึ้นใหม่
เจ้าจะซ่อมเสริมรากฐานของคนหลายชั่วอายุขึ้นใหม่
เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำแพงที่พัง
ผู้ซ่อมแซมถนนให้เหมือนเดิมเพื่ออยู่อาศัย


(3) การรักษาวันสะบาโต 13-14
๑๓ ถ้าเจ้าหันเท้าจากการเหยียบย่ำวันสะบาโต
คือจากการทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเรา
และเรียกสะบาโตว่าวันปีติยินดี
และเรียกวันบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ว่าวันมีเกียรติ
ถ้าเจ้าให้เกียรติวันนั้น ไม่ไปตามทางของเจ้าเอง
ไม่ทำตามความพอใจของเจ้า หรือพูดแต่เรื่องไร้สาระ
๑๔ แล้วเจ้าจะปีติยินดีในพระยาห์เวห์
และเราจะให้เจ้าขึ้นขี่อยู่บนที่สูงของแผ่นดินโลก
และเราจะเลี้ยงเจ้าด้วยมรดกของยาโคบบิดาของเจ้า
เพราะโอษฐ์ของพระยาห์เวห์ได้ตรัสแล้ว

1.2 การยกโทษ 59
(1) ความบาปของอิสราเอล 1-8
๑ นี่แน่ะ พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ไม่ได้สั้นเกินจะช่วยให้รอด
หรือพระกรรณตึงจนไม่ทรงได้ยิน
๒ แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก
ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน
และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน
และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง
๓ เพราะมือของพวกท่านมลทินด้วยโลหิต
และนิ้วมือของท่านด้วยบาปชั่ว
ริมฝีปากของพวกท่านพูดคำเท็จ
ลิ้นของท่านพึมพำความอธรรม
๔ ไม่มีใครฟ้องร้องอย่างยุติธรรม
ไม่มีใครสู้ความอย่างซื่อสัตย์
เขาวางใจสิ่งไร้สาระ เขาพูดเท็จ
เขาตั้งท้องความชั่วและคลอดความบาป
๕ พวกเขาฟักไข่งูทับทาง
เขาทอใยแมงมุม
คนที่กินไข่ของพวกเขาก็ตาย
ไข่ใบไหนถูกทุบแตก งูกะปะก็ออกมา
๖ ใยของพวกเขาใช้เป็นเสื้อผ้าไม่ได้
เขาก็ไม่อาจเอาผลงานของเขาไปคลุมตัว
ผลงานของพวกเขาเป็นผลงานชั่วร้าย
และการกระทำรุนแรงก็อยู่ในมือของเขา
๗ เท้าของพวกเขาวิ่งไปหาความชั่ว
และเขารีบไปหลั่งเลือดของผู้ไร้ความผิด
ความคิดของพวกเขาเป็นความคิดชั่วร้าย
การล้างผลาญและการทำลายอยู่ในหนทางของเขา
๘ พวกเขาไม่รู้จักทางสันติภาพ
ไม่มีความยุติธรรมในวิถีของเขา
พวกเขาทำให้หนทางของเขาคดเคี้ยว
ทุกคนที่เดินในทางนั้นจะไม่รู้จักสันติภาพ

(2) การสารภาพของอิสราเอล 9-15a
๙ เพราะฉะนั้น ความยุติธรรมจึงอยู่ห่างไกลจากพวกเรา
และความชอบธรรมตามเราไม่ทัน
พวกเราคาดหวังความสว่าง แต่ดูสิ มีความมืด
คาดหวังความสุกใส แต่เราเดินในความมืดคลุ้ม
๑๐ เราคลำหากำแพงเหมือนคนตาบอด
เราคลำหาเหมือนคนไม่มีตา
เวลาเที่ยงวันพวกเราสะดุดเหมือนเวลาโพล้เพล้
ท่ามกลางคนมีกำลัง เราก็เหมือนคนตาย
๑๑ พวกเราทุกคนครางเหมือนหมี
เราครวญครางเหมือนนกพิราบ
เราคาดหวังความยุติธรรม แต่ไม่มีเลย
คาดหวังความรอด แต่มันก็อยู่ห่างไกลจากเรา
๑๒ เพราะการทรยศของพวกข้าพระองค์ทวีขึ้นต่อพระองค์๑
และบาปของพวกข้าพระองค์ก็ปรักปรำพวกข้าพระองค์
เพราะการทรยศของพวกข้าพระองค์อยู่กับพวกข้าพระองค์
และพวกข้าพระองค์ตระนักถึงบาปชั่วของพวกข้าพระองค์
๑๓ คือการทรยศและการปฏิเสธพระยาห์เวห์
การหันไปจากการติดตามพระเจ้าของพวกข้าพระองค์
การพูดจาแบบกดขี่และการกบฏ
การกล่าวคำเท็จที่ก่อกำเนิดจากใจ
๑๔ ความยุติธรรมก็หันกลับ
และความชอบธรรมก็ยืนอยู่ไกล
เพราะความจริงล้มลงที่ลานเมือง
และความเที่ยงตรงเข้าไปไม่ได้
๑๕ ความจริงขาดหายไป
และผู้พรากจากความชั่วก็ทำให้ตัวเองถูกปล้น

(3) สัญญาได้รับความรอดของพระยาห์เวห์ 15b-21

๑๕ ความจริงขาดหายไป
และผู้พรากจากความชั่วก็ทำให้ตัวเองถูกปล้น
พระยาห์เวห์ทรงเห็นก็ไม่ชื่นชอบในสายพระเนตร
ที่ไม่มีความยุติธรรม
๑๖ พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีผู้ใดเลย
และประหลาดพระทัยว่าไม่มีใครอ้อนวอนเผื่อ
แล้วพระกรของพระองค์เองก็นำชัยชนะ๒ มาให้พระองค์
และความชอบธรรมของพระองค์เชิดชูพระองค์ไว้
๑๗ พระองค์ทรงสวมความชอบธรรมเป็นทับทรวง
และสวมพระมาลาแห่งความรอดอยู่เหนือพระเศียรของพระองค์
พระองค์สวมฉลองพระองค์แห่งการแก้แค้นเป็นอาภรณ์
และทรงเอาความกระตือรือร้นห่อหุ้มพระองค์
๑๘ พระองค์จะทรงตอบสนองตามการกระทำของเขา
คือพระพิโรธต่อปรปักษ์ของพระองค์ และการแก้แค้นต่อศัตรูของพระองค์
พระองค์จะทรงทำการตอบสนองต่อแผ่นดินชายทะเล
๑๙ แล้วพวกเขาจะยำเกรงพระนามพระยาห์เวห์จากตะวันตก
และยำเกรงพระสิริของพระองค์จากที่ตะวันขึ้น
เพราะพระองค์จะเสด็จมาเหมือนแม่น้ำเชี่ยว
ซึ่งลมแรงของพระยาห์เวห์ขับส่ง
๒๐ ¡°และองค์พระผู้ไถ่จะเสด็จมายังศิโยน
มายังพวกที่อยู่ในยาโคบซึ่งหันจากการทรยศ¡± พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
๒๑ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ¡°ส่วนเรา นี่เป็นพันธสัญญาของเรากับเขาทั้งหลาย คือวิญญาณของเราซึ่งอยู่เหนือเจ้า และคำของเราซึ่งเราใส่ไว้ในปากของเจ้า จะไม่พรากไปจากปากของเจ้า หรือจากปากของลูกหลานเจ้า หรือจากปากลูกหลานของลูกหลานเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ไปจนกาลนิรันดร์¡± พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ


2. สง่าราศีของกรุงเยรูซาเลม 60
2.1 การสถิตของพระยาห์เวห์ 1-3
๑ จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว
และพระสิริของพระยาห์เวห์ขึ้นมาเหนือเจ้า
๒ เพราะว่าดูสิ ความมืดจะปกคลุมแผ่นดินโลก
และความมืดทึบคลุมชนชาติทั้งหลาย
แต่พระยาห์เวห์จะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า
และพระสิริของพระองค์จะปรากฏเหนือเจ้า
๓ และบรรดาประชาชาติจะมายังความสว่างของเจ้า
และพวกพระราชามายังความสุกใสแห่งรุ่งอรุณของเจ้า

2.2 การร่วมตัวของประชาชาติ 4-9
๔ จงเงยหน้าของเจ้า และมองดูรอบๆ
เขาทุกคนถูกรวบรวมเข้ามา พวกเขามาหาเจ้า
บุตรชายทั้งหลายของเจ้าจะมาจากแดนไกล
และพวกบุตรหญิงของเจ้าจะถูกอุ้มใส่สะเอวมา
๕ แล้วเจ้าจะเห็นและปลาบปลื้ม
ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและเปรมปรีดิ์
เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะหันมาหาเจ้า
ทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติจะมายังเจ้า
๖ มวลอูฐจะมาห้อมล้อมเจ้าจนมิด
คืออูฐหนุ่มจากมีเดียนและเอฟาห์
ทุกๆ คนจากเชบาจะมา
เขาทั้งหลายจะนำทองคำและกำยานมา
และจะประกาศถึงความน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
๗ ฝูงแพะแกะทั้งหมดของเคดาร์จะถูกรวบรวมมายังเจ้า
แกะตัวผู้ของเนบาโยทจะปรนนิบัติเจ้า
พวกมันจะขึ้นไปบนแท่นบูชาของเราอย่างเป็นที่โปรดปราน
และเราจะให้นิเวศของเรารุ่งโรจน์ด้วยความรุ่งเรือง
๘ พวกนี้เป็นใครนะที่บินมาเหมือนเมฆ
เหมือนนกพิราบที่มายังช่องหน้าต่างของมัน?
๙ เพราะว่าแผ่นดินชายทะเลจะรอคอยเรา๑
เรือของทารชิชจะมาก่อน
เพื่อนำบุตรชายทั้งหลายของเจ้ามาจากแดนไกล
เงินและทองคำของพวกเขาจะมากับเขาด้วย
เพื่อพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
และเพื่อองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
เพราะพระองค์ทรงให้เจ้ารุ่งเรือง

2.3 การบรนนิบัตรของคนต่างชาติ 10-14
๑๐ พวกคนต่างด้าวจะสร้างกำแพงของเจ้าขึ้น
และพระราชาของเขาจะปรนนิบัติเจ้า
เพราะว่าเราได้เฆี่ยนเจ้าด้วยความโกรธของเรา
แต่เราได้กรุณาเจ้าด้วยความโปรดปรานของเรา
๑๑ บรรดาประตูเมืองของเจ้าจะเปิดอยู่เสมอ
มันจะไม่ถูกปิดทั้งกลางวันและกลางคืน
เพื่อคนจะนำความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติมายังเจ้า
และบรรดาพระราชาของเขาจะถูกนำให้เข้าร่วมขบวน
๑๒ เพราะว่าประชาชาติและราชอาณาจักร
ที่ไม่ปรนนิบัติเจ้าจะพินาศ
ประชาชาติเหล่านั้นจะถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง
๑๓ ศักดิ์ศรีของเลบานอนจะมายังเจ้า
คือต้นสนสามใบ ต้นสนเขาและต้นช้องรำพันมาด้วยกัน
เพื่อจะทำให้บริเวณสถานนมัสการของเรางดงาม
และเราจะทำให้ที่วางฝ่าเท้าของเรามีเกียรติ
๑๔ บรรดาลูกชายของพวกที่เคยบีบบังคับเจ้า
จะมาและโน้มตัวลงคำนับเจ้า
และบรรดาผู้ที่ดูหมิ่นเจ้า
จะกราบที่ฝ่าเท้าของเจ้า
พวกเขาจะเรียกเจ้าว่าเป็นนครของพระยาห์เวห์
ศิโยนแห่งองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล

2.4 สง่าราศีของกรุงเยรูซาเลมใหม่ 15-22
๑๕ ในเมื่อเจ้าถูกทอดทิ้งและเป็นที่เกลียดชัง
และไม่มีใครผ่านเข้าไปทางเจ้า
เราจะทำให้เจ้าโอ่อ่าตระการเป็นนิตย์
เป็นความชื่นบานทุกชั่วชาติพันธุ์
๑๖ เจ้าจะดูดน้ำนมของบรรดาประชาชาติ
เจ้าจะดูดจากอกของพวกพระราชา
และเจ้าจะรู้ว่าตัวเรายาห์เวห์ เป็นผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
และผู้ไถ่ของเจ้า คือองค์อานุภาพของยาโคบ
๑๗ แทนทองสัมฤทธิ์ เราจะนำทองคำมา
และแทนเหล็ก เราจะนำเงินมา
แทนไม้ จะนำทองสัมฤทธิ์มา
แทนหิน จะนำเหล็กมา
เราจะตั้งสันติภาพเป็นผู้ปกครองของเจ้า
และความชอบธรรมเป็นนายงานของเจ้า
๑๘ เจ้าจะไม่ได้ยินถึงความรุนแรงในแผ่นดินของเจ้าอีก
และไม่ได้ยินถึงการล้างผลาญหรือการทำลายในเขตแดนของเจ้า
เจ้าจะเรียกกำแพงเจ้าว่าความรอด
และเรียกประตูเมืองเจ้าว่าการสรรเสริญ
๑๙ ดวงอาทิตย์จะไม่เป็นความสว่างของเจ้า
ในเวลากลางวันอีก
และดวงจันทร์จะไม่ส่องสว่างให้เจ้า
เพื่อความสุกใส
แต่พระยาห์เวห์จะทรงเป็นความสว่างของเจ้าเป็นนิตย์
และพระเจ้าของเจ้าจะทรงเป็นศักดิ์ศรีของเจ้า
๒๐ ดวงอาทิตย์ของเจ้าจะไม่ตกอีก
และดวงจันทร์ของเจ้าจะไม่มีข้างแรม
เพราะพระยาห์เวห์จะทรงเป็นความสว่างนิรันดร์ของเจ้า
และวันไว้ทุกข์ของเจ้าจะสิ้นสุดลง
๒๑ ประชาชนทั้งหมดของเจ้าจะชอบธรรม
พวกเขาจะได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์เป็นนิตย์
พวกเขาจะเป็นหน่อที่เราปลูก และเป็นผลงานของมือเรา
เพื่อสำแดงสง่าราศีของเราเอง
๒๒ ผู้เล็กน้อยที่สุดจะกลายเป็นตระกูล๒
และผู้เล็กจิ๋วที่สุดจะเป็นประชาชาติอันมีอานุภาพ
เราเองคือยาห์เวห์
ถึงเวลานั้น เราจะเร่งให้เกิดขึ้น



3. ข่าวดี 61-62
3.1 ข่าวดีของกรุงซีโอน 61
(1) หน้าทีของทาสของพระยาห์เวห์ 1-3
๑ พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า
เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้
เพื่อนำข่าวดีมายังคนที่ทุกข์ใจ๑
พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปเพื่อปลอบโยนคนชอกช้ำใจ
และเพื่อประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย
ทั้งประกาศการเปิดเรือนจำแก่ผู้ที่ถูกจำจอง๒
๒ เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระยาห์เวห์
และประกาศวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของพวกเรา
เพื่อชูใจทุกคนที่ไว้ทุกข์
๓ เพื่อจัดเตรียมให้กับพวกที่ไว้ทุกข์ในศิโยน
คือให้มงกุฎแทนขี้เถ้าแก่พวกเขา
และให้น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์
เสื้อคลุม๓ แห่งการสรรเสริญแทนจิตวิญญาณที่ท้อแท้
แล้วคนจะเรียกพวกเขาว่าต้นโอ๊ก๔ แห่งความชอบธรรม
ที่พระยาห์เวห์ทรงปลูกไว้เพื่อสำแดงพระสิริของพระองค์

(2) การกลับสภาพเดิมของกรุงซีโอน 4-9
๔ เขาทั้งหลายจะสร้างสิ่งปรักหักพังโบราณขึ้นใหม่
เขาจะซ่อมเสริมที่ทิ้งร้างแต่เก่าก่อนขึ้น
เขาจะซ่อมบรรดาเมืองที่พังแล้วขึ้นมาใหม่
คือที่ซึ่งร้างมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้น
๕ พวกคนแปลกหน้าจะยืนเลี้ยงฝูงแพะแกะของพวกท่าน๕
คนต่างด้าวจะเป็นคนไถนาและเป็นคนแต่งเถาองุ่นของท่าน
๖ แต่พวกท่านจะได้รับการขนานนามว่าปุโรหิตของพระยาห์เวห์
คนจะพูดถึงท่านว่าเป็นผู้ปรนนิบัติของพระเจ้าของพวกเรา
ท่านทั้งหลายจะรับประทานความมั่งคั่งของบรรดาประชาชาติ
และท่านจะอวดโดยความร่ำรวยของพวกเขา
๗ แทนความอายของพวกท่าน ท่านจะได้รับเกียรติสองเท่า๖
แทนความอดสู เขาทั้งหลายจะเปรมปรีดิ์ในส่วนแบ่งของเขา
เพราะฉะนั้น พวกเขาจะได้กรรมสิทธิ์เป็นสองเท่าในแผ่นดินของเขา
ความชื่นบานเป็นนิตย์จะเป็นของเขา
๘ เพราะตัวเรา ยาห์เวห์รักความยุติธรรม
เราเกลียดการโจรกรรมและการอธรรม๗
เราจะให้ค่าตอบแทนแก่พวกเขาอย่างเหมาะสม๘
และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขา
๙ เชื้อสายของพวกเขาจะเป็นที่รู้จักกันในบรรดาประชาชาติ
และลูกหลานของเขาในท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
ทุกคนที่เห็นพวกเขาจะจดจำเขาได้
ว่าเขาเป็นเชื้อสายที่พระยาห์เวห์ทรงอวยพร

(3) การสรรเสริญของพระคุณ 10-11
๑๐ ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในพระยาห์เวห์
ใจของข้าพเจ้าจะลิงโลดในพระเจ้าของข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทรงสวมเสื้อผ้าแห่งความรอดให้ข้าพเจ้า
พระองค์ทรงคลุมข้าพเจ้าด้วยเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรม
เหมือนเจ้าบ่าวที่โพกศีรษะแบบปุโรหิต
และเหมือนเจ้าสาวที่แต่งตัวด้วยเพชรพลอย
๑๑ เพราะว่าแผ่นดินทำให้หน่อของมันงอกขึ้นมา
และสวนทำให้สิ่งที่หว่านในนั้นงอกขึ้นมาอย่างไร
พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายจะทรงทำให้ความชอบธรรมและการสรรเสริญ
งอกขึ้นมาต่อหน้าประชาชาติทั้งหมดอย่างนั้น

3.2 ประชากรของพระเมเสีย 62
(1) การรับกรุงซีโอนอีกของพระยาห์เวห์ 1-5
๑ เพื่อเห็นแก่ศิโยน ข้าพเจ้าจะไม่ระงับเสียง
และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเงียบ
จนกว่าความชอบธรรมของนครนี้จะออกไปเหมือนความสว่าง
และความรอดของนครนี้ออกไปเหมือนคบเพลิงที่ลุกอยู่
๒ บรรดาประชาชาติจะเห็นความชอบธรรมของท่าน๑
และพระราชาทั้งหลายเห็นศักดิ์ศรีของท่าน
และเขาจะเรียกท่านด้วยชื่อใหม่
ซึ่งพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์จะประทาน
๓ ท่านจะเป็นมงกุฎงามในพระหัตถ์พระยาห์เวห์
และเป็นราชมงกุฎในอุ้งพระหัตถ์พระเจ้าของท่าน
๔ ท่านจะไม่ถูกเรียกว่า ผู้ถูกทอดทิ้ง อีกต่อไป
และแผ่นดินของท่านจะไม่ถูกเรียกว่า ที่ทิ้งร้าง อีกต่อไป
แต่คนเขาจะเรียกท่านว่า ความปีติยินดีของเราอยู่ในเธอ๒
และเรียกแผ่นดินของท่านว่า แต่งงานแล้ว๓
เพราะพระยาห์เวห์ทรงปีติยินดีในท่าน
และแผ่นดินของท่านจะแต่งงาน
๕ เพราะชายหนุ่มแต่งงานกับหญิงพรหมจารีอย่างไร
บุตรชายทั้งหลายของท่านจะแต่งงานกับท่านอย่างนั้น
และเจ้าบ่าวเปรมปรีดิ์ในเจ้าสาวอย่างไร
พระเจ้าของท่านจะเปรมปรีดิ์ในท่านอย่างนั้น

(2) อุดมสมบูรณ์ของกรุงซีโอน 6-9
๖ โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย บนกำแพงของท่านนั้น
ข้าพเจ้าตั้งพวกคนยามไว้
ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
เขาทั้งหลายจะไม่ระงับเสียงเลย
พวกท่านผู้คอยเตือนความทรงจำของพระยาห์เวห์
จะต้องไม่หยุดพัก
๗ และอย่าให้พระองค์หยุดพัก
จนกว่าพระองค์จะสถาปนา
และทำให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นที่สรรเสริญในแผ่นดินโลก
๘ พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์
และด้วยพระกรที่ทรงอานุภาพของพระองค์ว่า
¡°เราจะไม่ให้ข้าวของเจ้า
เป็นอาหารของศัตรูของเจ้าอีก
และคนต่างด้าวจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นของเจ้า
ซึ่งเจ้าตรากตรำได้มานั้น
๙ แต่พวกเก็บเกี่ยวมันจะได้กิน
แล้วสรรเสริญพระยาห์เวห์
และบรรดาผู้รวบรวมมันจะได้ดื่ม
ในลานแห่งสถานศักดิ์สิทธิ์ของเรา¡±

(3) จงเตรียมตัว 10-12
๑๑ ดูสิ พระยาห์เวห์ทรงประกาศ
ไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลกว่า
¡°จงกล่าวกับธิดาศิโยนว่า
¡®นี่แน่ะ ความรอดของเจ้ามาแล้ว
ดูสิ รางวัลของพระองค์ก็อยู่กับพระองค์
และค่าตอบแทนของพระองค์ก็อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์¡¯ ¡±
๑๒ และคนทั้งหลายจะเรียกพวกเขาว่า ชนชาติบริสุทธิ์
ผู้รับการไถ่ไว้แล้วของพระยาห์เวห์
และเขาจะเรียกท่านว่า ถูกเสาะหามา
เมืองที่ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง





4. การย้อนคิดถึง และ อธิษฐาน 63:-64
4.1 การพิพากษาของเอโดม 63:1-6
๑ นี่ใครหนอมาจากเอโดม
สวมเสื้อผ้าสีแดงจากเมืองโบสราห์?
นี่ใครหนอสวมเครื่องแต่งกายของท่านอย่างโอ่อ่า
และมาด้วยกำลังยิ่งใหญ่ของท่าน?
¡°คือเราเองที่ร้องประกาศความชอบธรรม
และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด¡±
๒ ทำไมฉลองพระองค์๑ ของพระองค์จึงมีสีแดง
และเครื่องทรงของพระองค์เหมือนของคนย่ำในบ่อย่ำองุ่น?
๓ ¡°เราย่ำบ่อองุ่นตามลำพัง
และไม่มีใครจากชนชาติทั้งหลายอยู่กับเราเลย
เราย่ำมันด้วยความโกรธของเรา
เราเหยียบมันด้วยความพิโรธของเรา
โลหิตของเขาเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าของเรา
และเราทำให้เครื่องแต่งกายของเราเลอะไปหมด
๔ เพราะวันแห่งการแก้แค้นอยู่ในใจเรา
และปีแห่งการไถ่ของเรามาถึง
๕ เรามองดู แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ
เราประหลาดใจ แต่ไม่มีผู้เกื้อหนุน
แขนของเราเองจึงนำการช่วยกู้มาให้เรา
และความโกรธของเรานั้นเกื้อหนุนเรา
๖ เราเหยียบชนชาติทั้งหลายลงด้วยความโกรธของเรา
เราทำให้เขาเมาด้วยความพิโรธของเรา
และเราเทโลหิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลก¡±

4.2 การย้อนคิดถึงพระคุณของพระยาห์เวห์ 63:7-14
๗ ข้าพเจ้าจะกล่าวให้คิดถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
และกิจการอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
ตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ประทานแก่พวกเรา
และตามความดีใหญ่ยิ่งที่มีต่อวงศ์วานของอิสราเอล
ซึ่งพระองค์ประทานตามพระกรุณาของพระองค์
และตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
๘ เพราะพระองค์ตรัสว่า ¡°แท้จริงคนเหล่านี้เป็นชนชาติของเรา
เป็นบุตรที่ไม่ประพฤติคดโกงต่อเรา¡±
พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา
๙ พระองค์ทุกข์พระทัยในความทุกข์ทั้งหมดของเขา
แล้วทูตสวรรค์ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด๒
พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักและความสงสารของพระองค์
พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน
๑๐ แต่เขาทั้งหลายได้กบฏ
และทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย
ดังนั้นพระองค์จึงทรงหันไปเป็นศัตรูของพวกเขา
และพระองค์ทรงต่อสู้กับเขาทั้งหลาย
๑๑ แล้วประชากรระลึกถึงสมัยโบราณ
ระลึกถึงโมเสส ๓
พระองค์อยู่ที่ไหน? คือผู้ทรงนำพวกเขาขึ้นมาจากทะเล
พร้อมกับผู้เลี้ยงฝูงแพะแกะของพระองค์
พระองค์อยู่ที่ไหน? คือผู้ทรงบรรจุวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
ในท่ามกลางเขาทั้งหลาย
๑๒ ผู้ทรงให้พระกรรุ่งโรจน์ของพระองค์
ไปกับมือขวาของโมเสส
ผู้ทรงแยกน้ำออกต่อหน้าพวกเขา
เพื่อสร้างชื่อเสียงนิรันดร์ให้พระองค์เอง
๑๓ ผู้ทรงนำพวกเขาผ่านที่ลึก
เหมือนม้าในถิ่นทุรกันดาร
เขาทั้งหลายไม่ได้สะดุด
๑๔ เหมือนสัตว์เลี้ยงลงไปยังหุบเขาฉันใด
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ทรงทำให้เขาหยุดพักฉันนั้น
เช่นนั้นแหละพระองค์๔ ทรงนำชนชาติของพระองค์
เพื่อจะสร้างชื่อเสียงรุ่งโรจน์แด่พระองค์เอง

4.3 อธิษฐานเพื่อความรอดของพระองค์ 63:15-64:12

(1) ขอช่วยเหลือจากความบาป และความทุกข์ 63:15-19
๑๕ ขอทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์และทรงเพ่งดู
จากที่ประทับบริสุทธิ์และรุ่งโรจน์ของพระองค์
ความกระตือรือร้นและอานุภาพของพระองค์อยู่ที่ไหน?
พระทัยสงสารของพระองค์และพระกรุณาของพระองค์
ถูกยึดไว้จากข้าพระองค์
๑๖ เพราะว่าพระองค์เป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์
แม้อับราฮัมไม่รู้จักพวกข้าพระองค์
และอิสราเอลจดจำพวกข้าพระองค์ไม่ได้
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์
พระนามของพระองค์คือพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์แต่โบราณ
๑๗ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ทรงให้พวกข้าพระองค์หลงไปจากพระมรรคา๕ ของพระองค์?
และทรงให้ใจพวกข้าพระองค์แข็งกระด้างจนไม่ยำเกรงพระองค์
ขอพระองค์ทรงกลับมาเพื่อเห็นแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
คือ เผ่าทั้งหลายอันเป็นมรดกของพระองค์
๑๘ ชนชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ครอบครองชั่วขณะหนึ่ง
แต่ศัตรูพวกข้าพระองค์เหยียบย่ำสถานนมัสการของพระองค์
๑๙ เป็นเวลานานที่พวกข้าพระองค์เป็นเหมือนผู้ที่พระองค์ไม่เคยปกครอง
เหมือนผู้ซึ่งเขาไม่ได้เรียกโดยพระนามของพระองค์

(2) ขอพระองค์เสด็จมาเถิด 64:1-7
๑ โอ ขอให้พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์แล้วลงมา
เพื่อภูเขาจะสั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์พระองค์
๒ เหมือนเมื่อไฟติดกองไม้
และเมื่อไฟทำให้น้ำเดือด
เพื่อให้ศัตรูของพระองค์รู้จักพระนามพระองค์
เพื่อบรรดาประชาชาติจะตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์
๓ เมื่อพระองค์ทรงทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง
พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็สั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์พระองค์
๔ ตั้งแต่โบราณมา ไม่มีใครเคยได้ยิน
หรือได้รับทราบด้วยหู
หรือได้เห็นพระเจ้าสักองค์ด้วยตานอกเหนือพระองค์
ผู้ทรงทำการเพื่อผู้รอคอยพระองค์
๕ พระองค์ทรงพบกับเขาผู้ทำความชอบธรรมอย่างชื่นบาน
คือพวกที่ระลึกถึงพระองค์ในทางของพระองค์
แต่พระองค์กริ้วเนื่องด้วยพวกข้าพระองค์ทำบาป
พวกข้าพระองค์อยู่ในบาป๑ เป็นเวลานาน แล้วพวกข้าพระองค์จะรอดหรือ?
๖ ข้าพระองค์ทุกคนกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน
และความชอบธรรมทั้งหมดของพวกข้าพระองค์เหมือนเสื้อผ้าสกปรก
ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงเหมือนใบไม้
และความผิดบาปของพวกข้าพระองค์พัดพาพวกข้าพระองค์ไปเหมือนลม
๗ ไม่มีใครร้องทูลต่อพระนามของพระองค์
หรือเร้าตัวเองให้ยึดพระองค์ไว้
เพราะพระองค์ซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากพวกข้าพระองค์และทรงทำให้พวกข้าพระองค์ละลายไปด้วยอำนาจ๒ ความบาป๓ ของพวกข้าพระองค์

(3) ช่วยดูแลกรุงซีโอนที่ความเสื่อมโทรม 64:8-12
๘ ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้พระองค์ยังเป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์
ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น
ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์
๙ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่ากริ้วอย่างรุนแรงเลย
และอย่าทรงจดจำความผิดบาปไว้เป็นนิตย์
บัดนี้ ขอทรงพิจารณาเถิด ข้าพระองค์ทุกคนเป็นชนชาติของพระองค์
๑๐ เมืองบริสุทธิ์ทั้งหลายของพระองค์กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
ศิโยนก็กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
เยรูซาเล็มกลายเป็นที่ร้าง
๑๑ นิเวศบริสุทธิ์และงดงามของพวกข้าพระองค์
ที่ซึ่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์
กลายเป็นที่ถูกไฟเผาเสียแล้ว
และสิ่งมีค่าทั้งหมดของพวกข้าพระองค์กลายเป็นสิ่งที่ถูกทำลาย
๑๒ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพระองค์ยังจะทรงยับยั้งพระองค์ไว้หรือ?
พระองค์จะทรงเงียบอยู่ และข่มใจพวกข้าพระองค์อย่างมากมายหรือ?



5. ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ 65-66
5.1 การพิพากษา และความรอด 65
(1) กาพิพากษาต่อผู้ที่นับถือรูปเคารพ 1-7
๑ เราพร้อมให้ผู้ไม่ได้ขอนั้นแสวงหาได้
และให้ผู้ไม่ได้เสาะหานั้นพบได้
เราพูดว่า ¡°เราอยู่นี่ เราอยู่นี่¡±
กับชนชาติที่ไม่ได้ถูกขนานนามตามชื่อของเรา๑
๒ เรายื่นมือของเราออกไปทั้งวัน
ให้กับชนชาติมักกบฏ
ผู้ดำเนินในทางไม่ดี
และติดตามอุบายของพวกเขาเอง
๓ ชนชาติที่ยั่วเย้าเรา
อย่างซึ่งๆ หน้าอยู่เสมอ
ทำการถวายบูชาตามสวน
และเผาเครื่องหอมบนกองอิฐ
๔ พวกนั่งอยู่ในอุโมงค์ฝังศพ
และค้างคืนในที่ลึกลับ
พวกกินเนื้อหมู
และมีแกงซึ่งมีเนื้อที่เป็นมลทินในภาชนะของเขา
๕ พวกที่กล่าวว่า ¡°ออกไปห่างๆ
อย่าเข้ามาใกล้ เพราะข้าบริสุทธิ์กว่าเจ้า¡±
สิ่งเหล่านี้เป็นควันอยู่ในจมูกของเรา
เป็นไฟซึ่งไหม้อยู่ทั้งวัน
๖ ดูสิ มีการบันทึกไว้ต่อหน้าเรา
เราจะไม่นิ่งเงียบ แต่เราจะตอบสนอง
เออ เราจะตอบสนองไว้ในอก๒ ของพวกเขา
๗ ทั้งความชั่วของพวกเขา และความชั่วของบรรพบุรุษเขารวมกัน พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
เพราะพวกเขาเผาเครื่องหอมบนภูเขา
และกล่าวหยาบช้าต่อเราบนเนิน
เราจะตวงการทำชั่วครั้งก่อนๆ ของพวกเขา
เข้าไปในอก๓ ของเขาทั้งหลาย

(2) ทาสของพระยาห์เวห์ และ สตรู 8-16
๘ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°เหมือนเหล้าองุ่นซึ่งหาได้จากพวงองุ่น
และคนเขาพูดกันว่า ¡®อย่าทำลายมันเสีย
เพราะมีพรอยู่ในนั้น¡¯ อย่างไร
เราก็จะทำด้วยเห็นแก่ผู้รับใช้ของเรา
เพื่อจะไม่ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้นอย่างนั้น
๙ เราจะนำเชื้อสายออกมาจากยาโคบ
และนำผู้รับมรดกในบรรดาภูเขาของเราออกมาจากยูดาห์
ผู้เลือกสรรของเราจะได้รับมันเป็นมรดก
และบรรดาผู้รับใช้ของเราจะอาศัยอยู่ที่นั่น
๑๐ ชาโรนจะเป็นลานหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะ
และหุบเขาอาโคร์เป็นที่ให้ฝูงโคนอนพัก
เพื่อชนชาติของเราที่แสวงหาเรา
๑๑ แต่เจ้าทั้งหลายผู้ละทิ้งพระยาห์เวห์
ผู้ลืมภูเขาบริสุทธิ์ของเรา
ผู้จัดงานเลี้ยงให้แก่ พระชะตา
และเติมเหล้าองุ่นประสมเต็มถ้วยแก่ พระลิขิต
๑๒ เราจะลิขิต๔ เจ้าทั้งหลายให้แก่ดาบ
และเจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อผู้สังหาร
เพราะว่าเมื่อเราเรียกนั้น พวกเจ้าไม่ตอบ
เมื่อเราพูด พวกเจ้าไม่ฟัง
แต่พวกเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา
และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี¡±
๑๓ เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
¡°นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราจะได้รับประทาน
แต่เจ้าทั้งหลายจะหิว
นี่แน่ะ บรรดาผู้รับใช้ของเราจะได้ดื่ม
แต่พวกเจ้าจะกระหาย
นี่แน่ะ พวกผู้รับใช้ของเราจะเปรมปรีดิ์
แต่เจ้าทั้งหลายจะอับอาย
๑๔ นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราจะร้องเพลงจากใจยินดี
แต่เจ้าทั้งหลายจะร้องจากใจเจ็บปวด
และครวญครางจากวิญญาณจิตระทม
๑๕ พวกเจ้าจะละชื่อของเจ้าไว้แก่ผู้เลือกสรรของเราเพื่อใช้แช่งสาป
และพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายจะทรงทำให้เจ้าตาย
แต่จะทรงเรียกชื่อผู้รับใช้พระองค์ด้วยชื่ออื่น
๑๖ ดังนั้น ใครขอพรให้ตัวเองในแผ่นดิน
เขาจะขอในพระนามพระเจ้าแห่งสัจจะ
และใครสาบานในแผ่นดิน
จะสาบานในพระนามพระเจ้าแห่งสัจจะ
เพราะความลำบากเมื่อครั้งก่อนก็ถูกลืมกันไปแล้ว
และถูกซ่อนเสียจากนัยน์ตาของเรา

(3) สัญญาของฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ 17-25
๑๗ ¡°เพราะดูสิ เราสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่
และสร้างแผ่นดินโลกใหม่
เพราะสิ่งเก่าก่อนนั้นจะไม่ถูกจดจำ
และไม่นึกขึ้นในใจอีก
๑๘ แต่จงชื่นบานและเปรมปรีดิ์เป็นนิตย์
ในสิ่งที่เราสร้างขึ้น
เพราะดูสิ เราจะสร้างเยรูซาเล็มให้เป็นที่เปรมปรีดิ์
และประชากรของเมืองนั้นให้เป็นความชื่นบาน
๑๙ เราจะเปรมปรีดิ์เพราะเยรูซาเล็ม
และชื่นบานเพราะประชากรของเรา
จะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ในเมืองนั้นอีก
ทั้งไม่มีเสียงครวญคราง
๒๐ ในที่นั้นจะไม่มี
ทารกซึ่งมีชีวิตเพียงสองสามวัน
หรือคนแก่ที่มีอายุไม่ครบกำหนด
เพราะคนตายเมื่ออายุร้อยปีจะถือว่าอ่อนวัย
ส่วนคนอายุน้อยกว่าร้อยปีจะถือว่าถูกแช่งสาป
๒๑ พวกเขาจะสร้างบ้านและเข้าอยู่ในนั้น
เขาจะปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน
๒๒ พวกเขาจะไม่สร้างบ้านแล้วคนอื่นได้เข้าอยู่
เขาจะไม่ปลูกสวนแล้วคนอื่นได้กิน
เพราะว่าอายุชนชาติของเราจะเป็นเหมือนอายุต้นไม้
และผู้เลือกสรรของเราจะใช้ผลงานจากมือของเขาไปนาน
๒๓ เขาทั้งหลายจะไม่ทำงานโดยเปล่าประโยชน์
หรือคลอดลูกเพื่อความสยดสยอง
เพราะเขาเป็นเชื้อสายของพวกได้รับพรจากพระยาห์เวห์
พร้อมกับบรรดาลูกหลานของพวกเขาด้วย
๒๔ และจะเป็นดังนี้ คือก่อนที่พวกเขาร้องเรียก เราเองจะตอบ
ขณะที่เขาทั้งหลายยังพูดอยู่ เราเองจะฟัง
๒๕ สุนัขป่าและลูกแกะจะหากินเหมือนพวกเดียวกัน
สิงโตจะกินฟางเหมือนวัว
และงูกินผงคลีเป็นอาหาร
พวกมันจะไม่ทำอันตรายหรือทำลายกัน
ทั่วภูเขาบริสุทธิ์ของเรา¡± พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ


5.2 กรุงเยรูซาเลมใหม่ 66
(1) ติเตียนผู้ที่ไม่ยำเกลงพระเจ้า 1-4
๑ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ¡°สวรรค์เป็นพระที่นั่งของเรา
และแผ่นดินโลกเป็นแท่นวางเท้าของเรา
พวกเจ้าสามารถสร้างนิเวศให้แก่เรา ณ สถานที่ใด?
และที่พำนักของเรานั้นจะอยู่ที่ไหน?
๒ มือของเราสร้างสิ่งทั้งหมดนี้
และสิ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้น¡±๑ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
¡°แต่นี่ต่างหากที่เราจะมอง
คือผู้ถ่อมใจและสำนึกผิดในวิญญาณจิต
และตัวสั่นเพราะถ้อยคำของเรา
๓ ¡°ส่วนผู้ฆ่าวัวเหมือนกับผู้ฆ่าคน
ผู้ฆ่าลูกแกะถวายเหมือนกับผู้หักคอสุนัข
ผู้นำธัญบูชามาเหมือนกับผู้ถวายเลือดหมู
ผู้ถวายอนุสรณ์บูชาด้วยกำยานเหมือนกับผู้บูชารูปเคารพ
คนพวกนี้ต่างก็เลือกทางเดินของเขาเอง
และจิตใจของพวกเขายินดีในสิ่งน่าสะอิดสะเอียนของเขา
๔ เราเองก็จะเลือกความทุกข์ใจให้พวกเขาด้วย
และเราจะนำสิ่งที่พวกเขากลัวนั้นมายังเขา
เพราะว่าเมื่อเราร้องเรียก ไม่มีใครตอบ
เมื่อเราพูด เขาทั้งหลายไม่ฟัง
แต่พวกเขาได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา
และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี¡±

(2) การนุ่นใจต่อผู่ที่ยำเกลงพระเจ้า 5-14
๕ จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์
พวกเจ้าที่ตัวสั่นเพราะพระวจนะของพระองค์
¡°พี่น้องของพวกเจ้าที่เกลียดชังเจ้า
และเหวี่ยงเจ้าออกไปเพราะเหตุนามของเรา
ได้พูดว่า ¡®ขอพระยาห์เวห์ทรงได้รับเกียรติ
เพื่อเราจะได้เห็นความชื่นบานของพวกเจ้า¡¯
แต่เขาเหล่านั้นแหละจะได้รับความอับอาย¡±
๖ เสียงอึงคะนึงจากในเมือง
เสียงจากพระวิหาร
พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์
กำลังให้การตอบแทนต่อศัตรูของพระองค์
๗ ¡°ก่อนที่จะปวดครรภ์
นางก็คลอดบุตร
ก่อนที่ความเจ็บปวดจะมาถึงนาง
นางก็ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง
๘ ใครเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้?
ใครเคยได้เห็นสิ่งที่เป็นเหมือนสิ่งนี้?
แผ่นดินจะเกิดขึ้นในวันเดียวหรือ?
ประชาชาติจะคลอดออกมาในครู่เดียวหรือ?
แต่พอศิโยนเริ่มปวดครรภ์
เธอก็คลอดบุตรทั้งหลายของเธอ
๙ เรานำมาถึงกำหนดคลอด และยังจะไม่ให้คลอดหรือ?¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
¡°และตัวเราผู้ทำให้คลอด จะปิดครรภ์ไว้หรือ?¡±
พระเจ้าของท่านตรัสดังนี้
๑๐ จงเปรมปรีดิ์กับเยรูซาเล็มและยินดีกับเธอ
นะบรรดาผู้รักเธอ
จงเปรมปรีดิ์กับเธอด้วยความชื่นบาน
นะบรรดาผู้ไว้ทุกข์เพื่อเธอ
๑๑ เพื่อพวกท่านจะได้รับการเลี้ยงดูและอิ่มใจ
ด้วยหน้าอกที่ปลอบโยนของเธอ
เพื่อท่านจะได้ดื่มอย่างเต็มที่ด้วยความยินดี
จากอกอันอุดมของเธอ
๑๒ เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
¡°นี่แน่ะ เราจะนำสวัสดิภาพมาถึงเธอเหมือนแม่น้ำ
และนำทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติมาเหมือนลำน้ำที่ไหลล้น
และพวกเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดูจากเธอ จะถูกอุ้มไว้ที่สะเอวเธอ
และเขย่าขึ้นลงบนเข่าเธอ
๑๓ เหมือนผู้ที่มารดาของเขาปลอบโยน
เราเองจะปลอบโยนพวกเจ้าเช่นนั้น
และเจ้าจะได้รับการปลอบโยนในเยรูซาเล็ม¡±
๑๔ พวกท่านจะได้เห็น แล้วใจของท่านจะเปรมปรีดิ์
กระดูกของท่านจะกระชุ่มกระชวยเหมือนหญ้าอ่อน
และคนจะรู้กันว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์อยู่กับผู้รับใช้ของพระองค์
และพระองค์กริ้วต่อศัตรูของพระองค์


(3) การพิพากษาของพระยาห์เวห์ 15-17
๑๕ เพราะดูสิ พระยาห์เวห์จะเสด็จมาด้วยไฟ
และรถรบของพระองค์เหมือนลมพายุ
เพื่อสำแดงพระพิโรธของพระองค์อย่างเกรี้ยวกราด
และสำแดงการกำราบของพระองค์ด้วยไฟ
๑๖ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะทรงพิพากษาด้วยไฟ
ทั้งด้วยพระแสง๒ ของพระองค์เหนือมนุษย์๓ ทั้งหมด
และผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงสังหารจะมีมากมาย
๑๗ ¡°พวกชำระตัวเองและล้างตัวเพื่อเข้าไปในสวน แล้วตามผู้หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางพวกกินเนื้อหมูและกินสิ่งน่าเกลียดน่าชัง ทั้งกินหนูนั้น จะถึงที่สิ้นสุดด้วยกัน¡± พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

(4) การประชุมของประชาชาติ 18-24
๑๘ ¡°เพราะเรา[รู้ ]๔ การกระทำของพวกเขาและความคิดของเขา และเราจะมาเพื่อรวบรวมทุกประชาชาติและทุกภาษา และเขาทั้งหลายจะมาและเห็นสง่าราศีของเรา ๑๙ และเราจะตั้งหมายสำคัญไว้ท่ามกลางพวกเขา และเราจะส่งผู้รอดตายจากพวกเขาไปยังบรรดาประชาชาติคือไปยังทารชิช พูตและลูด(ผู้เก่งด้านธนู) ไปยังทูบัลและยาวาน ทั้งแผ่นดินชายทะเลที่ไกลออกไป ที่ซึ่งยังไม่ได้ยินชื่อเสียงของเราหรือเห็นสง่าราศีของเรา แล้วพวกเขาจะประกาศสง่าราศีของเราในบรรดาประชาชาติ ๒๐ และเขาทั้งหลายจะนำพี่น้องทั้งหมดของพวกเจ้าจากทุกประชาชาติมาเป็นธัญบูชาแด่พระยาห์เวห์ โดยม้า โดยรถม้า โดยเกวียนประทุน โดยล่อและโดยอูฐโหนกเดียว นำมายังเยรูซาเล็มภูเขาบริสุทธิ์ของเรา¡± พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ¡°เหมือนอย่างที่คนอิสราเอลนำธัญบูชาใส่ภาชนะสะอาดมายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ๒๑ และเราจะเอาบางคนจากพวกเขามาเป็นปุโรหิตและเป็นเลวีด้วย¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
๒๒ ¡°เพราะว่าสวรรค์ใหม่ และแผ่นดินโลกใหม่
ซึ่งเราจะสร้างขึ้นนั้น
จะดำรงอยู่ต่อหน้าเราอย่างไร
เชื้อสายของพวกเจ้าและชื่อของพวกเจ้าจะดำรงอยู่อย่างนั้น¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
๒๓ ¡°จากวันขึ้นค่ำถึงอีกวันขึ้นค่ำ
และจากวันสะบาโตถึงอีกวันสะบาโต
มนุษย์ทั้งหมดจะมานมัสการต่อหน้าเรา¡±
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
๒๔ ¡°และพวกเขาจะออกไปมองดูซากศพของพวกคนที่กบฏต่อเรา เพราะว่าหนอนที่กัดคนเหล่านี้จะไม่ตายไป ไฟที่เผาพวกเขาจะไม่ดับ และเขาทั้งหลายจะเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนของมนุษย์ทั้งหมด¡±


BIBLIOGRAPHY of ISAIAH


Blaikie, W.G., Expositor¡¯s Bible.
Bright, J., Myers, J.M., Smith, L.P., Interpreter¡¯s Bible.
Calvin, John, Commentary on the Old Testament.
Cook, G.A., Cambridge Bible.
Dods, Marcus, A., Exposition of the Bible.
Hengstenberg, E.W., Commentary on Old Testament.
Keil, E.F., & Delitzsch, F., Commentary on Isaiah(2 Vol.)
Lange, J.P., The Commentary on Old Testament.
Lias, J.J., Hervey, A.C., Morison, J., Pulpit Commentary.
Moore, G.F., International Critical Commentary.
Robinson, W.H., Ceontry Bible.
Rudolph, W., Kommentar zum Alten Testament.
Park, Y.S., Commentary on Isaiah.






2018-03-01 17:44:06


   

°ü¸®Àڷα×ÀÎ~~ Àüü 293°³ - ÇöÀç 1/20 ÂÊ
293
Á¤½Âȸ
2023-12-04
19
292
2023-11-04
24
291
2023-06-26
31
290
Dr. Chana
2022-11-11
50
289
Dr. Chana
2022-11-05
48
288
Dr. Chana
2022-01-02
121
287
ดũ
2021-12-02
108
286
Dr. Chana
2021-03-02
163
285
Dr. Chana
2020-05-19
328
284
Dr. Chana
2020-03-08
317
283
Dr. Chana
2020-02-13
326
282
Dr. Chana
2020-02-09
269
281
Dr. Chana
2020-01-29
289
280
Dr. Chana
2020-01-29
310
279
Dr. Chana
2020-01-19
301

[¸ÇóÀ½] .. [ÀÌÀü] 1 [2] [3] [4] [5] [6] [7] [´ÙÀ½] .. [¸¶Áö¸·]